ปัดตัดเงินเดือน “สิระ-เอ๋” ฐานก้าวร้าว ชี้การแสดงความเห็นเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. ยันไม่จำเป็นต้องปราม แต่ขอโทษอีกรอบ เชื่อ “ชวน” ไม่ติดใจ อภัยเหมือนลูกหลาน
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 14.00 น.ที่รัฐสภา นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการหักเงิน ส.ส. ของพรรคที่มีพฤติกรรมก้าวล่วงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทั้งนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี
เนื่องจาก ส.ส.รับเงินเดือนจากรัฐสภา และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการพูดคุย เนื่องจากเป็นเรื่องทางการเมือง บางครั้งมีการกระทบกระทั่งด้วยเจตนาและไม่มีเจต นา แต่ต้องยอมรับ ว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในสิ่งที่คิดและพูดออกมา จึงอาจมีการก้าวล่วง
ซึ่งประธานวิปรัฐบาลได้ออกมาขอโทษ ซึ่งผู้ใหญ่ก็รับทราบ และเชื่อว่าท่าน คงเข้าใจในเรื่องทางการเมืองเพราะเป็นผู้อาวุโสทางการเมืองมาช้านาน จึงคิดว่าท่านน่าจะให้อภัย เห็น ส.ส.รุ่นหลังเป็นเหมือนลูกหลาน
“ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องปรามอะไร เพราะ ส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ แต่ก็ต้องมีการพูดคุยในส่วนที่อาจจะเกินเลยไปบาง ซึ่งเป็นการคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่า ไม่ใช่การออกมาห้ามปราม ผมคิดว่าทุกคนมีศักดิ์และศรีของความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เขามีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองอาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ ทางพรรคยินดีที่จะขอโทษขออภัย กับคนที่เกี่ยวข้อง หากมีข้อผิดพลาดบางประการ” นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้หลังการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จสิ้น นายอนุชา ได้เป็นตัวแทนรัฐบาลเข้าประชุมร่วม 4 ฝ่าย โดยทันทีที่พบนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นายอนุชา ได้เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจ และเรียนให้นายชวน ทราบว่าได้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนชี้แจงว่า นายชวนคงไม่ติดใจเพราะเห็น ส.ส.รุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน
ด้าน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนได้เข้าขออภัยนายชวน แล้ว ทั้งนี้ยืนยัน ไม่มีการหักเงินเดือนนายสิระ และน.ส.ปารีณา เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้รับเงินเดือนอื่น นอกจากเงินเดือน ส.ส. และคงไม่ได้มีการตักเตือนเป็นกรณีพิเศษ ต่อไปนี้ อะไรที่กระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลก็จะต้องประนีประนอมกัน และประธานรัฐสภา ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วม
นายวิรัช กล่าวต่อว่า การเดินหน้าสร้างความสมสนฉันท์ พรรคพลังประชารัฐได้มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนที่จะมาประสานกับประธานรัฐสภา ซึ่งส่วนใดที่จะทำให้การปรองดองเดินหน้าได้พรรคร่วมก็พร้อม ขณะเดียวกันตนก็เห็นใจประธานรัฐสภา ที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ
