“ช่อ” ย้อนถาม คนล้อมรถ อยากอยู่กับความเกลียดหรืออนาคตที่ดีกว่า คนนครศรีฯบางส่วนไม่เห็นด้วย ชี้ทำภาพลักษณ์จังหวัดเสียหาย

วันที่ 11 พ.ย. น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงกรณีมวลชนบุกคุกคามขบวนหาเสียงคณะก้าวหน้าที่นครศรีธรรมราช ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบกับการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครนายกอบจ. คณะก้าวหน้า นพ.อิสระ หัสดินทร์ หรือหมอไก่ เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนสถานที่ตามความเหมาะสมของสถานการณ์

ยืนยันว่าในการหาเสียงทั้งที่นครศรีธรรมราชและจังหวัดอื่นๆ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีคนทักทายถ่ายรูปและแสดงความสนใจในตัวผู้สมัครตลอด คนที่มาชูป้ายต่อต้านมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น แต่กลับได้รับพื้นที่สื่อมาก เพราะลักษณะการกระทำมีความรุนแรงชัดเจนมากกว่า

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ส่วนรถที่ถูกล้อมในเหตุการณ์เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ใช่รถของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธรก็ไม่ได้อยู่ในรถ คนที่ได้รับผลกระทบกลับเป็นผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ทางคณะก้าวหน้ากำลังพิจารณาดำเนินคดีผู้ที่ก่อเหตุ เพราะกระทำการละเมิดต่อกฎหมายชัดเจน มีการคุกคามผู้ที่จะออกจากโรงแรมโดยการค้นรถ

นอกจากนี้ยังมีอีกกรณี ที่มีชายหัวเกรียนเดินถือพระบรมฉายาลักษณ์เดินตามนายธนาธรที่สมุทรปราการ ด้วยท่าทีคุกคาม พร้อมตะโกนบอกประชาชนไม่ให้เลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้า โดยทางทีมงานมีข้อสงสัยว่าชายกลุ่มนี้เป็นตำรวจหรือทหาร ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอถามผู้ที่ชูป้าย เนรคุณแผ่นดิน ล้มเจ้า ชังชาติ ผู้ที่เกลียดชังคณะก้าวหน้า ว่าพวกคุณกำลังตกหลุมพรางเดิมๆ ตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจรึเปล่า พวกเขาหลอกให้พวกคุณกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวว่าการเมืองใหม่ๆ จะทำให้เกิดการล้มเจ้า พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เมื่อกลัวเปลี่ยนแปลง ก็หมายถึงการยอมอยู่กับสิ่งชั่วร้ายเดิมๆ การเมืองมาเฟีย อิทธิพล บ้านใหญ่ การเอื้อประโยชน์พวกพ้อง

สุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์จากการปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ประชาชนอย่างพวกคุณที่มาชูป้าย แต่คือพวกคนที่มีอำนาจอยู่ในตอนนี้ต่างหาก ที่เสวยสุขบนภาษีของเรา อยากถามกับทุกท่านว่า อยากอยู่กับความโกรธเกลียดแบบเก่าๆ หรือเดินไปมองหาอนาคตใหม่ที่ดีกว่าด้วยกัน

ด้าน นายธนาธร ยังเดินหน้าหาเสียงในภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ไปสำรวจเขาพลายดำ อุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของนครศรีธรรมราช พร้อมพูดคุยกับผู้สมัครนายกอบจ. คณะก้าวหน้า นพ.อิสระ ถึงนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างเมือง ที่มาขอถ่ายรูปกับนายธนาธรอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ จากกรณีกลุ่มคนเสื้อเหลืองล้อมและทุบรถที่เข้าใจว่าเป็นของนายธนาธร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสของชาว จ.นครศรีธรรมราช และคนใต้อีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว อาทิ นายเรียง สีแก้ว นักพัฒนาเอกชน ชาว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีชื่อเสียงในพื้นที่ โพสต์ภาพเหตุการณ์ล้อมรถนายธนาธร พร้อมระบุว่า เข้าใจในความคิดที่แตกต่าง ความเห็นความชอบที่หลากหลายแต่สิ่งที่แสดงออกหรือกระทำลงไป มันถูกต้องแล้วหรือ? มันสมควรแล้วหรือ? แต่นี่มันไม่ใช่วิถีแห่งประชาธิปไตย แบบที่ควรจะเป็น

นายเรียง ระบุอีกว่า “กรณีกลุ่มมวลชนจากนครศรีฯและกระบี่ (เท่าที่ได้ฟังในข่าว) กลุ่มหนึ่ง ใส่เสื้อเหลือง ถือพระบรมฉายาลักษณ์ ถือธงชาติ ถือธงตราปรมาภิไธย ล้อมรถที่คาดว่าธนาธรจะนั่งมา มิหนำซ้ำกระโดดไปนั่งบนกระโปรงรถยนต์ และยกมอเตอร์ไซค์มาขวางหน้ารถยนต์คันดังกล่าว คำถามคือ มันเหมาะสมแล้วหรือ? การจงรักภักดีเขาทำกันแบบนี้หรือ? ทำแบบนี้แล้วจะทำให้สถาบันดูดีขึ้นเหรอ ? แล้วจากนี้ไป คนทั่วประเทศเขาจะมองภาพลักษณ์ของคนนครศรีฯ อย่างไร ทำไมทำอะไรไม่คิดให้ดี…

ผมไม่ใช่ติ่งของใคร แต่ผมยึดถือความเหมาะสมและถูกต้อง และเข้าใจว่าธนาธรมาช่วยลูกทีมหาเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ แค่นั้น ไม่ได้มาเพื่อยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดการทำมิดี มิร้าย กับใคร เขามาตามวิถีแห่งระบอบการเลือกตั้งกำหนดไว้ แค่นั้น และถ้ามีความไม่พอใจในบทบาทของเขา ก็แสดงออกได้ แต่ต้องเหมาะสม ไม่เป็นการคุกคามกัน แต่ที่เห็นมันไม่ใช่ และที่สำคัญคนที่ไปคุกคามเขาแบบนั้น เชื่อจริงๆ เหรอว่า เขาจะล้มเจ้าได้ ถามจริงๆ เชื่อแบบนั้นจริงๆ หรอครับ”

ขณะที่ นายสมบูรณ์ คำแหง อดีตเลขาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ โพสต์ภาพข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน พร้อมกับระบุว่า “อนาจใจครับ ผมไม่เคยยอมรับการกระทำเช่นนี้ ไม่ว่ากับนายกฯประยุทธ์ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชวน หรือลุงกำนัน และใครก็ตามแต่ ผมคิดว่าเราไม่ควรยอมรับวัฒนธรรมการรุกไล่ ทำร้าย ทำลายกันเช่นนี้ครับ เขาแค่จะมาหาเสียง บอกเล่านโยบายการเมืองท้องถิ่นให้คนในพื้นที่รับฟังเท่านั้น ความเห็นต่างทางการเมือง และข้อกล่าวหาเกินจริง กลายเป็นมายาคติถึงกับทำให้เกิดการกระทำได้เยื่องนี้เชียวหรือครับ พี่น้อง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน