“สุรศักดิ์ ศิริบุญ”หัวหน้าพรรคพลัง นำคณะเข้าพบ”บิ๊กจิ๋ว”อดีตนายกฯ ขอคำชี้แนะทำงานให้บ้านเมือง

วันที่ 12 พ.ย.2563 นายสุรศักดิ์ ศิริบุญ หัวหน้าพรรคพลัง น.ส.อัญชิสา หรือแหม่ม เทพทับทิมทอง เลขาธิการฯ นายชัยพัชญ์ โชติชัยธนเสฐ โฆษกพรรค นางผุสดี กลิ่นทอง (อาจารย์เป้า สิงห์บุรี) นายทะเบียนพรรค (ผู้อำนวยการพรรค) พล.ต.ชอบ ตระกูลสม ประธานที่ปรึกษา นายอุดมเกียรติ ปานมี รองหัวหน้าพรรคและประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ นายสุเทพ เสงี่ยมศักดิ์ ประธานยุทธศาสตร์ภาคตะวันออก นางอัญชลีหรือแอ๊ว เทพวงษา ประธานยุทธศาสตร์อีสานใต้ พร้อมคณะผู้บริหาร

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เดินทางเข้าพบ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักย่านนวมินทร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอคำปรึกษาและคำชี้แนะการทำงานเพื่อบ้านเมือง โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ให้คำแนะนำการทำงานให้แก่ประเทศชาติทุกด้าน โดยเฉพาะจิตอาสาในฐานะนักการเมือง การเข้าถึงประชาชน การขับเคลื่อนนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ แก้ปัญหาความยากจน และยังชื่นชมผู้บริหารพรรคพลัง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีประชาชนสนับสนุนจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นพรรคการเมืองสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ที่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้บ้านเมือง แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด แก้ปัญหาคนตกงาน ส่งเสริมเกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ชนชั้นล่างให้อยู่ดีกินดี การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ มีหลักประกันให้กับประชาชนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ส่งเสริมการลงทุน ทำให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง

 พรรคพลังพบบิ๊กจิ๋ว

 

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พรรคพลัง ชื่อพรรคสั้น ประชาชนจดจำได้ง่าย เป็นการรวมพลังของประชาชนทุกภาคส่วน เปิดตัวครั้งแรกนั้นและยื่นจัดตั้งพรรคพลังต่อกกต. สื่อมวลชนให้ความสนใจมากทุกแขนงและติดตามข่าวมาตลอด เป็นพรรคการเมืองที่น่าสนใจ ตอบโจทย์การเมืองในปัจจุบันได้ ส่วนคำขวัญของพรรคทัดเทียม ทั่วถึง ทันที มีความหมายถึง ความเท่าเทียมทุกด้าน ไม่ว่า เศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย ประชาชนเข้าถึงได้เท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่มีสองมาตรฐาน ส่วนคำว่า “ทั่วถึง” หมายถึง ประชาชน พลเมืองของประเทศไม่แยกว่า เป็นภาคใด จังหวัดใด หรือกลุ่มใด ส่วนคำว่า “ทันที” หมายถึง ขับเคลื่อนนโยบายทำทันที ซึ่งเน้นผลงานเป็นหลัก “พูดน้อย ทำทันที” ตรงนี้ จะแก้ปัญหาให้กับประเทศได้อย่างแน่นอน ขออวยพรขอให้เป็นนักการเมืองน้ำดี และเป็นที่พึ่งของประชาชน มีจิตอาสาทุ่มเททำงานให้แก่บ้านเมือง

ด้านหัวหน้าพรรคพลัง กล่าวว่า วันนี้ฤกษ์งามยามดีได้เข้าขอพรกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองท่านมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง เป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย ท่านห่วงชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการเมืองในปัจจุบันมีความเห็นต่าง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดความวุ่นวายทางการเมือง อยากให้บ้านเมืองสงบ เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นห่วงปากท้องประชาชน ที่สำคัญ ให้ใช้แนวทางการเมืองนำทหาร ไม่ใช่ทหารนำการเมือง อย่าคิดรัฐประหาร จะทำให้บ้านเมืองล้าหลัง ส่วนการที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้า การศึกษาโครงสร้างของกรรมการสมานฉันท์

 พรรคพลังพบบิ๊กจิ๋ว

 

” เพื่อหาทางออกวิกฤติการเมือง ณ ขณะนี้ ตามที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ 2 รูปแบบ คือ แบบแรก มีผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ ตามผลการประชุมรัฐสภา และเสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฎ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอคือให้มีตัวแทนมาจาก 7 ฝ่าย แบบที่สองมาจากคนกลาง เสนอโดยฝ่ายต่างๆ หรือ ประธานรัฐสภาเสนอ หรือ ให้ประธานรัฐสภาตั้งประธานกรรมการและให้ประธานกรรมการตั้งกรรมการ ซึ่งนายชวนระบุว่าได้มีการพูดคุยในเบื้องต้นกับ 3 อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น สำหรับ 3 อดีตนายกรัฐมนตรีที่นายชวน มีการต่อสายถึงประกอบด้วย พล.อ.ชวลิต ซึ่งนายชวนได้มีการพูดคุยในเบื้องต้นแล้ว นายอานันท์ ปัญยารชุน ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งอยู่ในข่ายที่จะพูดคุยเนื่องจากเป็นอดีตนายกฯในช่วงเหตุการณ์การเมืองปี53 ที่มีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในขณะนั้นเป็นประธาน ทั้งนี้นอกเหนือจากรายชื่อทั้ง 3 ตามที่กล่าวมา ประธานรัฐสภายังพยายามต่อสายหาอดีตนายกฯท่านอื่นๆ รวมถึงในส่วนของอดีตประธานรัฐสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อทาบทาม ”

สำหรับรายชื่ออดีตนายกฯรัฐมนตรี ณ ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 10 คน โดยนอกเหนือจาก 3 รายชื่อตามที่กล่าวข้าวต้นและนายชวนซึ่งขณะนี้ทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาแล้ว ยังมีอดีตนายกฯประกอบด้วย นายธานินท์ กรัยวิเชียร ,พล.อ.สุจินดา คราประยูร,พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ,นายสมชาย วงสวัสดิ์,นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วนอดีตประธานรัฐสภา ณ ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 10 คน โดยนอกเหนือจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา อยู่ ณ ปัจจุบัน ยังมีอดีตประธานรัฐสภาประกอบด้วย นายมารุต บุนนาค,นายพิชัย รัตตกุล,นายอุกฤษ มงคลนาวิน,นายมีชัย ฤชุพันธุ์,นายอุทัย พิมพ์ใจชน,นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ,นายโภคิน พลกุล ,นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประธานรัฐสภาทาบทามร่วมหาทางออกประเทศ 4 คน ได้รับการตอบรับแล้ว 3 คน คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายอานันท์ ปันยารชุน ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อยู่ระหว่างรอคำตอบ ท่านเหล่านี้ มีประสบการณ์ทางการเมือง ช่วยประคับประคองบ้านเมืองและให้คำปรึกษาถึงแนวทางออกของประเทศได้ ยืนยันว่าไม่ใช่คุณลักษณะของ สส.พรรคการเมืองหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “คนเหล่านี้ล้าสมัยเก่าแก่ หมดสภาพที่จะทำงานในยุคนี้ ถ้าเอาคนเหล่านี้ไปดองเค็ม ใส่เกลือเยอะๆน่าจะเหมาะกว่า”แต่ในมุมมองของผม มองว่าท่านอดีตนายกรัฐมนตรี “เปรียบเสมือนมะพร้าว ยิ่งแก่ยิ่งมัน”

 พรรคพลังพบบิ๊กจิ๋ว

 

ขณะที่เลขาธิการพรรคพลัง เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เข้าขอพรผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง จะนำแนวทางไปบริหารบ้านเมืองในแนวสมานฉันท์ปรองดองคนในชาติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ พรรคพลังมีความพร้อมและขออาสารับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งตรงกับคำขวัญของพรรค คือ “ทัดเทียม ทั่วถึง ทันที” โดยเฉพาะสีประจำพรรค เป็น”สีขาว” ถือว่า เป็นพลังอันบริสุทธิ์ของทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยใช้กลไกรัฐสภาเพื่อหาแนวทางออกของประเทศ รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ที่สำคัญ การชุมนุมเรียกร้อง อย่าไปยุ่งเกี่ยวสถาบัน ควรอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ส่วนนายชัยพัชญ์ โชติชัยธนเสฐ โฆษกพรรค ระบุว่า ตามคำสั่งที่ 66/2523 ในอดีตทำให้ประชาชนหันกลับมาพัฒนาชาติ ควรใช้การเมืองนำการทหาร โดยเฉพาะการประชุมสมัยสามัญในวันที่ 17,18 พฤศจิกายน 2563 ในวาระการพิจารณาโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ญัตติ ตามมาตรา 256 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในวาระแรก การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ บัญญัติว่า”…(3)ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา” ควรให้สมาชิกวุฒิสภาให้เห็นแก่ประเทศเพราะต้องใช้เสียง สว.1 ใน 3 ถึงจะผ่าน ควรใช้กลไกรัฐสภาแก้ปัญหาบ้านเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน