สิทธิศักดิ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้เเจง หลังถูกเฟคนิวส์ ปล่อยข่าวบรรยายโจมตี ธนาธร-ปิยบุตร อยู่เบื้องหลังนักศึกษาชุมนุม ยันมีเจตนาอภิปรายเชิงสร้างสรรค์

วันที่ 13 พ.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อดีตแกนนำนปช. ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองโพสต์ข้อความกล่าวหา นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเเละผู้บริหารระดับสูงของศาลฎีกา มีพฤติการณ์บรรยายโจมตีการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาและประชาชน รวมถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อยู่เบื้องหลัง พร้อมเรียกร้องให้กรรมการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาลงโทษนายสิทธิศักดิ์ เเละผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างข้อมูลดังกล่าวมาจากกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มผู้พิพากษานิรนาม เเละข้อมูลดังกล่าวได้มีการเผยเเพร่ในโลกออนไลน์เเละมีการเเชร์ต่อเป็นจำนวนมาก

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุด นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ ผู้ถูกพาดพิงได้เขียนชี้เเจงลงในกรุ๊ปไลน์กลุ่ผู้พิพากษา มีข้อความว่า ขอชี้แจงประเด็นการกล่าวหาว่า ผมอภิปรายกล่าวหาโจมตีนักเรียนนักศึกษาที่มาชุมชน ดังนี้

1.เมื่อวันที่ 2 พ.ย.63 เป็นการอภิปรายในหลักสูตรผู้พิพากษาศาลฎีกาหัวข้อ “การใช้ดุลพินิจของศาลฎีกากับผลกระทบต่อสังคม” โดยมีผม ผศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปกติ และนายสมโภช โตรักษา เป็นวิทยากร หลักสูตรนี้ผมและวิทยากรอภิปรายมาเป็นเวลาร่วม 4 ปี ไม่เคยมีปัญหาใดๆ มาก่อน

2.ผมเปิดประเด็นว่า สถานะการณ์ปัจจุบันมีการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ สังคมมีความขัดแย้ง มีการจับกุมคุมขังแกนนำหลายคน เพื่อไปสู่คำถามวิทยากรผู้ร่วมอภิปรายว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้สังคมเชื่อมั่นในบทบาทความเป็นกลางของศาลยุติธรรมในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในเรื่องการปล่อยชั่วคราว

โดยผมยกตัวอย่างว่า เวลานี้ ศาลชั้นต้นหลายแห่งได้ยกคำร้องผัดฟ้องฝากขังของตำรวจเพราะไม่มีเหตุจำเป็นต้องควบคุมตัวตามคำร้อง หรือศาลสูงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแกนนำผู้ชุมนุม แม้แต่คุณนิพิฐ อินทรสมบัติ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังชมศาลออกสื่อว่า ศาลได้ดูแลคุ้มครองสิทธิของผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี

ในการอภิปราย ผมตั้งประเด็นเพื่อให้วิทยากรให้ความรู้กฏหมายและคดีต่างประเทศว่า หากมีการชุมชนในที่สาธารณะ กฎหมายและวิธีการในต่างประเทศจะมีวิธีการรับมือดำเนินการกับผู้ชุมชนอย่างไรบ้าง

ซึ่งวิทยากรได้ให้ความรู้ว่าเช่น ในบางประเทศการชุมนุมบางลักษณะใน 20 นาทีแรกจะชอบด้วยกฎหมาย หลังจากนั้นอาจเป็นการชุมนุมเกินความจำเป็น หรือ การชุมนุมที่ผู้ชุมนุมออกมาแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องตามปกติวิสัย สามารถกระทำได้ ถือเป็นเสรีภาพทางการเมืองอย่างหนึ่งของประชาชน เว้นแต่มีการกระทำในลักษณะก่อภัยเป็นอาญาร้ายแรงทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง

ทั้งนี้ โดยพิจารณาจากวัตถุการชุมนุมเป็นหลัก การอภิปรายตลอด 3 ชั่วโมงล้วนตั้งอยู่บนหลักการตามหัวข้อวิชา วิสัชนากันอย่างสร้างสรรค์โดยอิงหลักทฤษฎีกฎหมายและคดีตัวอย่างของต่างประเทศ นำไปสู่การพัฒนาความรู้ประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาในการสั่งคดีในทุกขั้นตอน ไม่ได้มีเจตนามุ่งหมาย กล่าวหาใส่ความผู้ชุมนุมหรือผู้หนึ่งผู้ใดแต่อย่างใดทั้งสิ้น

3.ผมได้บอกเล่าสู่ให้วิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมทราบว่า การที่ศาลสูงโดยเฉพาะศาลฎีกาจัดตั้งแผนกคดีต่างๆขึ้นในศาลฎีกา เพื่อต้องการให้ผู้พิพากษาที่มีความรู้ความชำนาญกฎหมายเฉพาะทาง สามารถเข้าสู่แผนกคดีที่ตนถนัดเพื่อชี้ขาดตัดสินคดีให้มีความถูกต้อง แม่นยำยุติธรรม ประชาชนจะได้มีความเชื่อมั่น ในการชี้ขาดคดีของศาลฎีกา เช่น แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีจงใจไม่ยื่นหรือยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จ การตัดสินคดีของศาลฎีกา จึงเท่ากับเป็นการวางมาตรฐานบรรทัดของสังคม เป็นต้น

4.ผมนำเสนอตัวอย่างนโยบายอดีตประธานศาลฎีกาท่านไสลเกษฯเรื่องการปล่อยชั่วคราวสำหรับผู้ต้องขังที่ไม่รู้สิทธิและยากจนที่มีท่านเมทินี ชโลธร รองประธานศาลฎีกาในขณะนั้นเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนฯ ว่า เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยิ่งอย่างไรบ้าง รวมถึงจุดเด่นของนโยบาย 5 ส.ของท่านประธานศาลฎีกาปัจจุบัน เพื่อให้วิทยากรรู้และเข้าใจบทบาทของศาลยุติธรรมในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องขังด้วยความห่วงใย

5.ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2563 ขณะที่ผมดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ผมมีจุดยืนและนโยบายชัดเจนในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุมที่เป็นเด็กและเยาวชน โดยการประชุมหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทุกหน่วยงานในกรุงเทพฯผมบรรยายว่า ตำรวจไม่ควรมีการออกหมายจับเด็กหรือเยาวชนที่มาชุมชน ควรใช้วิธีการเชิญตัวตามกฎหมายหรือออกหมายเรียก

โดยเฉพาะอย่าง ผมได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังศาลเยาวชนฯ ทั่วประเทศว่า หากตำรวจมาขอออกหมายจับเด็กฯเพราะเหตุเกิดจากการชุมนุมที่เห็นต่าง ให้หลีกเลี่ยงการออกหมายจับ ควรให้ตำรวจใช้วิธีการเชิญตัวหรือออกหมายเรียกแทน หากมีการฟ้องเป็นคดี ควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องเรียกหลักประกัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระเเก่ผู้ปกครองของเด็กหรือเยาวชน เพราะเด็กหรือเยาวชนอาจกระทำไปโดยความเชื่อโดยสุจริต ไม่ใช่อาชญากร เด็กฯมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่หลบหนี ต้องคุ้มครองสิทธิเด็กตามกฎหมายก่อน

6.ดังนั้น จึงยืนยันและขอรับรองว่า การอภิปรายของผมและวิทยากรทุกคน มีเจตนาอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ ท่านประธานศาลฎีกามิได้รู้เห็นและไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอภิปรายใดๆ ทั้งสิ้น การอภิปรายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาเข้าใจบทบาทศาลยุติธรรมและศาลฎีกากับการใช้ดุลพินิจในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ศาลยุติธรรมมีความเป็นธรรม เป็นกลางและยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อย่างแท้จริงครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน