“สุวพันธุ์” เตือนม็อบเยาวชน สิ่งที่ทำอยู่กำลังพาตัวเองเข้ารกเข้าพง ไม่ใช่สิ่งที่ดีในอนาคต

เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2563 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มนักศึกษาเยาวชนว่า จะเรียกชื่อกลุ่มอะไรก็แล้วแต่ แต่ปัจจุบันต้องช่วยกันพิจารณาว่าได้เดินมาถึงจุดที่พ้นความชอบธรรมในการเรียกร้องทางการเมืองไปแล้วหรือไม่

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนได้ติดตามหลายช่องทาง ฟังความเห็นจากหลากหลายผู้คน มีข้อชวนคิดว่า การปราศรัยของแกนนำบนเวทีหลัก เวทีย่อย แกนนำที่พูดหรือเขียนชี้นำผ่าน sicial media ก็ดี คนที่อยู่เหนือแกนนำที่โพสต์ข้อความทั้งชี้นำ ชี้แนะ ยุยง ก็ดี ผู้ชุมนุมที่เขียน พูด ดูหมิ่นจาบจ้วง สถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศ์อันเป็นที่เคารพรักของคนไทยทั้งมวล ให้ความหมายอะไรกับคนไทย ทำให้เราค้นพบใช่ไหมว่า

สิ่งที่ทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ มิใช่การปฏิรูปหรือการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเคารพ สร้างสรรค์ หวังดี คำพูดของเหล่าผู้นำที่บงการทางความคิด นักปราศรัยบนเวที นักจัดรายการทางสื่อออนไลน์ อาจดูสวยงามในสายตาของคนที่ได้รับชุดความคิดเดียวกัน แต่ถ้าใช้สติปัญญาคิดไตร่ตรอง ก็จะพบว่าล้วนแล้วแต่ทำไปด้วยความไม่ให้เกียรติ ข่มขู่คุกคามให้ร้าย มุ่งแต่จะเหยียบย่ำ ไม่ได้มีความหวังดีอย่างที่สร้างภาพให้คนรุ่นใหม่เขาเข้าใจ แท้ที่จริงแล้วเขากำลังพาอนาคตของชาติไปผิดทาง พาเดินไปในทางเสื่อม มากกว่าพาเดินไปในทางที่ดี

“สิ่งที่กำลังทำหาใช่หนทางของการสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคม ประเทศชาติ หรือตัวเองไม่ แต่กำลังพาเด็กดีๆ ทั้งหลายเดินเข้ารกเข้าพง ไม่เห็นอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้าแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้น่าชวนคิดตามเป็นอย่างยิ่ง วันนี้สังคมเห็นแล้วว่า สิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังทำกันอยู่ผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งสำนึกของความเป็นคน และกำลังจะก้าวข้ามเส้นที่ไม่ควรจะเดินข้าม

แต่ดูแล้วจากสิ่งที่ผู้นำทุกระดับพูดหรือเขียนก็เข้าใจได้ว่า ตั้งใจที่จะชักนำให้เหล่าผู้คนที่จะเป็นอนาคตที่ดีของชาติในวันข้างหน้าเดินข้ามเส้นที่ว่านั้นไปให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ข้อค้นพบนี้น่าคิด คนไทยต้องช่วยกันถามตัวเองแล้วว่า มันใช่หรือไม่ ควรเดินไปตรงจุดไหน เดินอย่างไร พวกเราจึงจะไปถึงอนาคตที่ดีข้างหน้า ทุกคนเป็นปัญญาชนย่อมตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง”

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ประเด็นที่มีคนชวนให้คิดตามคือ คำถามถึงระดับความคิด การศึกษาของผู้ชุมนุม เราคงต้องยอมรับด้วยความเคารพว่า พวกเขามีมาก ทั้งมีพลังมหาศาล การขับเคลื่อนทางการเมืองของคนระดับนี้ควรเต็มไปด้วยสาระ ความรู้ แนวทางพัฒนาประเทศ มีหลักวิชาการ มีเหตุผล มีความเป็นกัลยาณมิตร แต่สิ่งเกิดขึ้น 2 วันมานี้ ผมเห็นคนไทยจำนวนมากบ่นในโลกโซเชียลว่า มีแต่ความหยาบคาย จาบจ้วง ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ น่าหมดศรัทธามากกว่าน่าสนับสนุน

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ขอฝากอนาคตของชาติไว้กับพวกเขาในสิบยี่สิบปีข้างหน้า ผู้นำที่ยืนพูดหรือนั่งเขียนให้ความเชื่อแก่เด็กหนุ่มสาวว่า คนที่อยู่ตรงข้าม ไม่เกินยี่สิบปีก็แก่ตายหรือหมดปัญญาขวางทางแล้ว พวกเราต้องอดทนรอได้ อาจจะจริงอย่างที่ว่าก็ได้ หรืออาจจะมีเด็กหนุ่มสาววัยเดียวกันที่เขามีภูมิคุ้มกันจากการเรียนรู้ด้วยสติและปัญญาบวกกับครอบครัวที่เข้มแข็งยืนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้สังคมไทยก็ได้ อีกสิบปียี่สิบปีข้าง อาจเป็นพลังใหม่ของสังคมไทยก็ได้

ประเด็นสุดท้ายมีคนมาชวนคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ผู้ชุมนุม ตำรวจ ศาล ใครควรจะทำหน้าที่อย่างไร ใช้อำนาจที่ตนมีอย่างไรจึงจะรักษาชาติ บ้านเมือง และประชาชนให้อยู่ร่วมกันได้ มีความเห็นหลากหลาย เหยี่ยว พิราบ และพวกที่ชอบกลางๆ แต่สรุปรวบยอดเหมือนกันคือ อยากให้บ้านเมืองสงบ เด็กๆไม่ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำ ได้อยู่กับครอบครัว เรียนหนังสือ ทำงาน ตำรวจที่มาเผชิญหน้าก็ไม่ต้องเจ็บตัว เสี่ยง เหนื่อย ได้กลับไปทำหน้าที่ตำรวจดูแลบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองก็ควรเลือกใช้มาตรการหลากหลายตามความจำเป็น ไม่เช่นนั้น สังคมก็จะเคว้งคว้าง ใครทำอะไรก็ได้ สุดท้ายคนเห็นต่างอาจจะออกมาตีกัน คราวนี้จะยิ่งแก้ปัญหาได้ยากยิ่ง คนที่อยู่วงนอกก็จะคิดกันอยู่ประมาณนี้

“คนไทยอยากเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย เศรษฐกิจที่แย่อยู่จะได้แก้ไขได้ง่ายขึ้นเด็กๆ ไม่ต้องลงถนนแล้วได้รับผลเสียตามมา คนอื่นทำมาหากินใช้ชีวิตลำบาก ที่สำคัญที่สุด วางสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือความขัดแย้งทั้งปวง อย่าทำเช่นทุกวันนี้ เราจะไม่มีทางอื่นไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน