‘ทวี สอดส่อง’ ตั้งข้อสังเกต รัฐบาลเสนอ ร่าง พ.ร.บ.หอการค้า อาจยิ่งเพิ่มช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคมมากยิ่งขึ้น กรรมการส่อมีผลประโยชน์ทับซ้อน

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 พ.ย. วาระที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ.หอการค้า โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ตั้งข้อสังเกตฝากประเด็นให้คณะกรรมาธิการวิสามัญ ช่วยแก้ไขให้สร้างความสมดุลย์ที่เกิดประโยชน์ต่อปวงชน และไม่ตอกย้ำให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนมากยิ่งขึ้น

โดย พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เราจะเห็นว่ากลุ่มรายชื่อกรรมการที่มาอยู่ในหอหารค้าจะเป็นบริษัทหรือคนมีฐานะร่ำรวยในระดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่ากฎหมายลักษณะนี้สร้างความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น มีผลประโยชน์จากสถานะผู้นำองค์กรได้สิทธิบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ได้กล่าวถึงในกฎหมายนี้ เช่นมีกฎหมายหลายฉบับที่ให้เข้าเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง เช่น กฎหมายพัฒนาใหญ่ๆ จะใช้ช่องทางของประธานหอการค้า ประธานอุตสาหกรรม เข้าไปเป็นกรรมการ

อาทิ พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี จะเห็นว่า ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานอุตสาหกรรม ได้เข้าเป็นกรรมการ ในขณะที่ประชาชนพลเมืองในพื่นที่ 3 จังหวัดของภาคตะวันออก(ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) ไม่มีใครได้เป็นกรรมการเลย ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงมา ไม่มีใครได้กำหนดชะตาชีวิตการพัฒนาในพื้นที่ของตนเองเลย แต่ประธานหอการค้าไทยหรือประธานอุตสาหกรรมจะมีโอกาสเข้าไปกำกับดูแล และต้องยอมรับว่าเมื่อมีการพัฒนาจะต้องมีการนำทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรที่เป็นทุนชีวิตของประชาชนถูกนำไปประเคนให้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ แทนที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำจนต้องยอมรับว่ามีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมีมากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้ามาเป็นกรรมการจะเป็นลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งตนเองก็มีบริษัทอยู่เบื้องหลัง ได้รู้เห็นงบประมาณในการพัฒนา และทรัพยากรที่นำไปสู่การพัฒนา แล้วก็นำบริษัทของตนเองเข้าไปได้ประโยชน์ เราจะเห็นได้ว่าโรงงานอุตสาหกรรม เช่นโรงงานน้ำตาล จาก อ้อย คนกลุ่มนี้จะแฝงตัวเข้ามาในบทบาทของสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมด้วย”

“อีกประการหนึ่งในร่าง พ.ร.บ.น่าตกใจมาก ในการแก้ให้หอการค้าออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เรื่องนี้สำคัญมาก Free Trade Agreement (FTA) ถ้ามีของผลิตในเมืองไทยประมาณ 40% ประเทศคู่ค้าเราก็ไม่ต้องเสียภาษี ทำไมไม่ให้กรมการค้าต่างประเทศหรือราชการเป็นผู้รับรอง เพราะหากให้คนกลุ่มนี้มารับรองทางการค้า พวกเขาไม่ได้เป็นผู้มีวิชาชีพ แต่มีอาชีพ วิชาชีพหมายถึงการมีศีลธรรมจรรยาเข้าไปกำกับ ส่วนอาชีพจะมีกำไร กำไร กำไร จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อคณะกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้น กฎหมายลักษณะนี้จะเป็นกฎหมายที่จะทำให้คนที่อยู่ระดับล่างไม่มีโอกาสได้เข้ามา จึงขอฝากไว้”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคเล็กที่มี ส.ส. จำนวน 6 คน เมื่อตั้งกรรมาธิการแล้วก็จะไม่ได้เป็นกรรมาธิการ ความจริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เมื่อเป็นปัญหาของประเทศน่าจะเปิดโอกาสให้มีกรรมาธิการมากกว่า 25 คน เช่นจำนวน 45 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน