‘บิ๊กตู่’ แซวกลับ รมต.แห่ให้กำลังใจ “พรุ่งนี้ใครจะอยู่กับผมบ้าง หรือใครจะทิ้งผมวันนี้ก็เอา” – สั่งเรียกความเชื่อมั่นเชียงใหม่-เชียงราย ปมโควิด-19 พร้อมกำชับอย่าให้เอกสารราชการหลุดบ่อย
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2563 รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เผยว่า ถึงแม้วันที่ 2 ธ.ค. จะเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีพักบ้านหลวง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังคงอารมณ์ดี เดินทักทายและแซวรัฐมนตรีอย่างเป็นกันเอง ก่อนเข้าสู่วาระประชุม ครม. มีการฉายวิดีทัศน์แสดงผลงานรัฐบาล 4-5 กระทรวง อาทิ ผลงานกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
ภายหลังชมวิดีทัศน์ พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงโครงการคนละครึ่งที่ปรากฏข่าวการเอาเปรียบผู้ซื้อ เช่น การขึ้นราคาสินค้าสูงกว่าปกติ อ้างว่าเป็นค่าอินเตอร์เน็ต โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งเตือนว่าหากมีการทุจริตอีกจะพิจารณายกเลิกโครงการทันที จากนั้นเข้าสู่วาระการประชุมเวลา 11.00 น.
ในช่วงต้นของประชุม ครม.หารือกันถึงกรณีหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 แล้วลักลอบเข้าเมืองที่ จ.เชียงราย จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาคเหนือซึ่งอยู่ในช่วงไฮซีซั่น โดยพล.อ.ประยุทธ์ กำชับกระทรวงมหาดไทยให้เข้มข้นในเรื่องการข้ามแดน ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง พร้อมสั่งการกระทรวงสาธารณสุขกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน ในการให้ความมั่นใจกับประชาชน เพราะภาคท่องเที่ยวบ่นกันมามาก เนื่องจากถูกยกเลิกการจองที่พัก
ขณะที่โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น มีการถอนเรื่องออกไปก่อน โดยสาเหตุที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ยอมชะลอการเสนอโครงการนี้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ข้อสังเกตว่าอยากให้ไปพิจารณาข้อดี ข้อเสียให้รอบด้านก่อน เพราะหวั่นจะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์เพี้ยนไป หากดูแลเฉพาะรถยนต์รถไฟฟ้า รถยนต์ธรรมดาจะทำอย่างไร
ในช่วงท้ายการประชุม รัฐมนตรีหลายคนให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณและเน้นย้ำให้คณะรัฐมนตรีมาร่วมงานในวันที่ 5 ธ.ค. ทำให้มีรัฐมนตรีบางคนแซวว่า อย่างนี้แสดงว่าสบายใจ ไม่ต้องกังวลแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้แซวบรรดารัฐมนตรีว่า “พรุ่งนี้ใครจะอยู่กับผมบ้าง หรือใครจะทิ้งผมวันนี้ก็เอา”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกำชับเรื่องการรักษาความลับของราชการหลังจากมีเอกสารราชการหลุดออกไปจำนวนมากว่า มีคนเข้าถึงมากเกินไป มีการรั่วไหลเต็มไปหมด บางครั้งต้องมาเหนื่อยกับการแก้ไขปัญหา ต่อไปจึงต้องกำหนดให้มีชั้นความลับในการเข้าถึงข้อมูล เพราะมีเอกสารหลุดบ่อย
