เพื่อไทย ปฏิเสธ คกก.สมานฉันท์ ชี้ชัดไม่เป็นกลาง คู่ขัดแย้งไม่ร่วม ไร้ทางออก

เมื่อเวลา 12.40 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ของพรรค ร่วมกับคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) และคณะกรรมการการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยหลังการประชุม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค แถลงว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการการเมืองขึ้นมา โดยมี นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพท.เป็นประธาน มี นายเสนาะ เทียนทอง ประธานคณะที่ปรึกษาพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค และตน เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการ และมีกก.บห. คณะที่ปรึกษาและสมาชิกพรรค ร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยพท.จะประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้อย่างเป็นทางการใน 1-2 วันนี้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง เพื่อทำหน้าที่กำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน เพราะในอนาคตเราจะขยายเขตการเลือกตั้ง จากเดิมเราส่งแค่ 250 เขต เป็นส่งทั้งหมด 350 เขต ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

นอกจากนี้จะตั้งโรงเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในพรรค รวมทั้งเชิญชวนคนภายนอกมาเป็นนักพัฒนาประชาธิปไตย และนักการเมืองรุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่าการพัฒนาหลักสูตร จะเสร็จภายในเดือน ธ.ค. และจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน ม.ค.64 รวมทั้งขยายฐานสมาชิกและตัวแทนประจำจังหวัด ซึ่งเรายังมีไม่ครบทุกเขต

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่สภา มีหนังสือมายังพท. ขอให้ฝ่ายค้านเสนอชื่อบุคคล 2 คน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น ที่ประชุมมีมติว่าเราจะไม่ส่งตัวแทนเป็นคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากเหตุผล 2 ข้อคือ องค์ประกอบของคณะกรรมการยังไม่เป็นกลาง และคู่ขัดแย้งบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับคณะกรรมการ ดังนั้น เมื่อคู่ขัดแย้งปฏิเสธ แล้วทางออกจะจบลงอย่างไร ฝ่ายค้านจึงไม่ขอร่วมสังฆกรรม

ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เขาธิการ พท. กล่าวว่า ในการทำงานติดตามสถานการณ์ในสภานั้น ขณะนี้มี 4 เรื่อง 1.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในวาระ 2 โดยพท.แปรญัตติในชั้นกมธ. 37 คน 2.กฎหมายประชามติ ซึ่งเราจะประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เหมือนการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 60 ที่จำกัดสิทธิและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น 3.คณะกรรมการสมานฉันท์ พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่เข้าร่วม และ 4.สถานการณ์วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่สิ้นสุดลงกรณีพักบ้านหลวง

เรามีข้อสังเกต 2 เรื่อง คือ 1.ระเบียบของกองทัพบกว่าด้วยบ้านพักรับรองนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.มีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้บ้านพักรับรองในภายหลังหรือไม่ ซึ่งพรรคมอบให้ ส.ส.ไปติดตามและแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป

เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่างคณะกรรมการการเมืองและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายประเสริฐ กล่าวว่า ต่างกัน เพราะเป็นการรวบรวมบุคลากรรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่จะมาทำงานร่วมกัน ยึดหลักการกระจายอำนาจ

เมื่อถามว่าประเด็นบ้านพัก ฝ่ายค้านจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เราต้องนำข้อมูลไปตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การประชุมสภาสมัยนี้ ยื่นญัตติได้ถึงเดือนก.พ.64 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเรื่องต่างๆ ซึ่งมีผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งบประมาณที่ไม่ชอบมาพากลอยู่พอสมควร หากได้รายละเอียดครบถ้วน จะนำไปซักฟอกรัฐบาลในสภาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขออุบไว้ก่อน ใกล้ถึงเวลาอภิปรายจะมีการเปิดเผยต่อไป แต่รับรองว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ดแน่นอนทั้งในส่วนของนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน