ป.ป.ช.ลั่น! มีอำนาจ ไต่สวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลัง “เรืองไกร” อดีต ส.ว. ยื่นสอบ ปมวินิจฉัยเรื่องบ้านพักหลวง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี

วันที่ 7 ธ.ค. แหล่งข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณีวินิจฉัยเรื่องบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จงใจใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) หรือไม่ ว่า

เมื่อหนังสือที่ยื่นมาถึงป.ป.ช.จะต้องนำมาพิจารณาเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่เคยมีผู้ร้องมายัง ป.ป.ช.แล้วหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องบ้านพักทหารนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.สอบกรณีพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

พร้อมกับนายพลอีกเกือบ 100 คนทั้งที่ยังรับราชการอยู่ และเกษียณอายุราชการไปแล้วยังอยู่บ้านพักทหาร เข้าข่ายรับผลประโยชน์มากกว่า 3,000 บาท ขัดต่อพ.ร.บ.ป.ป.ช.2561 มาตรา 128 ประกอบประกาศคณะกรรมการป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ 2543 โดยเรื่องดังกล่าว ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ในขณะนี้ แต่ยังไม่ถึงกับตั้งคณะกรรมการไต่สวน ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความคืบหน้าพอสมควร ใกล้จะสรุปแล้ว

“ทราบจากข่าวว่านายเรืองไกร ยื่นให้สอบสวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่วินิจฉัย แต่ที่ ป.ป.ช.สอบอยู่นั้น เป็นเรื่องการอยู่หรือไม่อยู่บ้านพัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยถูกร้องมาเมื่อต้นปี แต่อย่างไรก็ตามประเด็นอยู่หรือไม่อยู่บ้านพักที่ป.ป.ช.สอบอยู่นั้น เป็นประเด็นเดียวกับที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดุลยพินิจในการพิจารณาเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้นการที่นายเรืองไกรจะร้องก็ร้องได้ แต่มีมูลหรือไม่มีมูลความผิดนั้น จะเป็นการพิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่งว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้ดุลยพินิจถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งต้องเข้าไปดูก่อน เว้นแต่มีประเด็นอื่น

ทั้งนี้ เรื่องดุลยพินิจของตุลาการนั้นเป็นอิสระ เราจะไปก้าวล่วงไม่ได้ว่าสิ่งที่ท่านพิจารณาผิดหรือไม่ผิด เว้นแต่มีประเด็นเรื่องไปเรียกรับเงิน หรือมีเจตนาช่วยเหลือ ก็ว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ต้องมีพฤติการณ์ พยานหลักฐาน ถ้า ไปกล่าวหาลอยๆ จะไม่เข้าองค์ประกอบที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็น ขัดเจตนา”แหล่งข่าว ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่วันที่ 8 ธ.ค.จะนำคำร้องของนายเรืองไกรเข้าที่ประชุมได้เลยหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นการเสนอเพื่อทราบ และต้องตรวจสอบก่อน จะวินิจฉัยในทันทีไม่ได้ ต้องดูข้อเท็จจริงเพื่อดูว่าข้อกล่าวหามีอย่างไร เข้าองค์ประกอบ อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าอยู่ เราจะดำเนินการตรวจสอบ โดยอาจจะมีหนังสือขอทราบละเอียดการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนั้นจะต้องขอไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามย้ำว่าตามกฎหมายป.ป.ช. คณะกรรมการป.ป.ช.สามารถไต่สวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นองค์กรอิสระด้วยกันได้หรือไม่ แหล่งข่าว กล่าวว่า “มีอำนาจตรวจสอบได้ถ้ากระทำความผิด 3 ฐาน ได้แก่ ทุจริต กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดต่อหน้าที่ในการยุติธรรม รวมไปถึงในแง่ของจริยธรรม ก็สามารถทำได้

แต่ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานชัดเจน แต่ในเรื่องของดุลยพินิจ เราจะไปตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจไม่ได้ อันนี้เป็นไปตามหลัก เว้นแต่มีประเด็นกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยมีลักษณะอย่างไรที่ว่ามิชอบ หรือมีประเด็นที่ไปเรียกรับเงินเพื่อว่าคดีอย่างนั้นอย่างนี้”


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน