รำลึก 2 ปี 3 ผู้ลี้ภัยถูกอุ้มหาย ภรรยาสุรชัย แซ่ด่าน วอนคืนศพให้ครอบครัว เพื่อจัดการทางกฎหมาย บอกวิญญาณให้รับรู้ ว่าได้จุดประกายให้กับเยาวชนไทยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานงานรำลึก 2 ปี 3 สหาย สุรชัย แซ่ด่าน เป็นอดีตนักเคลื่อนไหว และอดีตนักโทษการเมือง ที่บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ ว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น.คณะจัดงานกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ทยอยเดินทางมารวมตัวกัน โดยมี นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ (ป้าน้อย) ภรรยานายสุรชัย เดินทางมาร่วมงาน ด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีดำ

โดยภายในงานได้มีการนำภาพถ่ายของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ นายสุรชัย แซ่ด่าน นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ และ นายไกรเดช ลือเลิศ หรือสหายกาสะลอง ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมาจัดวางไว้พร้อมพวงมาลัยสักการะ และนกพิราบแดง

ก่อนที่จะนำมาตั้งโต๊ะปูผ้าแดงไว้ด้านใน ที่ขึ้นป้ายสหายทั้ง 3 คน รวมทั้งป้าย 5 ชีวิตถูกอุ้มฆ่า ซึ่งรวมถึง โกตี๋ หรือนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ฉายาสหายหมาน้อย และนายอิทธิพล สุขแป้น นอกจากนี้ยังมีการเปิดคลิปและวีดีทัศน์ข่าวการหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวทั้งหมด

โดยภายในงานมีการอภิปรายโจมตีถึงการใช้กฎหมายมาตรา 112 รวมทั้งการหายตัวไปของบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมืองรวมทั้ง นายวันเฉลิม สัตย์ ศักดิ์ สิทธิ์ หรือ “ต้าร์” ผู้ลี้ภัยชาวไทยด้วย พร้อมมีการจุดเทียนสีแดง วางดอกไม้พร้อมให้กำลังใจกับครอบครัวผู้ที่สูญหาย

นางปราณี ภรรยานายสุรชัย เปิดใจว่า ความหวังมีน้อยมากที่นายสุรชัยยังมีชีวิตอยู่ เพราะไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และหากนายสุรชัยยังมีชีวิตอยู่เพื่อนในต่างประเทศก็น่าจะได้ข่าวบ้าง วันนี้ตนเองรู้สึกเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ความผิดของนายสุรชัยไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเท่านั้นเอง

ภรรยานายสุรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรียกร้องทางการมาโดยตลอด และวันนี้ก็ยังขอเรียกร้องคือให้มีการสืบสวนสอบสวนผู้สั่งการและผู้กระทำความผิดโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฏหมายของบ้านเมือง

สิ่งสำคัญต้องคืนศพให้กับเราซึ่งเป็นครอบครัว เพื่อที่จะได้ไปทำบุญตามประเพณี อีกทั้งจะได้จัดการเกี่ยวกับบ้านและที่ดิน ลูกหลานที่อยู่จะได้ไม่ลำบาก หากปล่อยไปอย่างนี้เราไม่สามารถที่จะจัดการอะไรได้เพราะในทางกฎหมายยังไม่มีการยืนยันการเสียชีวิต

นางปราณี กล่าวแสดงความเห็นถึงการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนและให้ยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 ว่า เด็กและเยาวชนมีความรู้และมีความคิด ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทุกคนสามารถที่จะพูดคุยและมีความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ หากจะถือเป็นความผิดก็ขอให้เป็นแค่กฎหมายการหมิ่นประมาทธรรมดา สิ่งสำคัญส่วนตัวไม่ต้องการให้เกิดการแอบอ้างนำสถาบันมาหาผลประโยชน์และกลั่นแกล้งกันทางการเมือง

“วันนี้ถ้าสามารถสื่อไปถึงวิญญานของคุณสุรชัยได้ หากมีโอกาสได้รับรู้ขอให้รู้ว่าขณะนี้มีการตื่นตัวในประเทศไทยซึ่งคุณสุรชัยคงจะดีใจที่ได้เป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งให้กับเยาวชนได้ตื่นตัว มีความกระตือรือร้นที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองและสังคม” นางปราณีกล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน