‘บิ๊กตู่’ เป็นประธานพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต อารมณ์ดี! คลอเพลงฮิต ‘ถ้าเขาจะรัก อยู่เฉยๆ เขาก็รัก’ ฝากถึงคนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 ธ.ค.2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง “สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด” (บ้านสวย คลองใส วิถีใหม่ ชุมชนริมคลอง) หมู่ 7 ถนนเลียบคลองเปรมประชากร ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี โดยนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการงานพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตที่นำชมนิทรรศการตอนหนึ่งว่า นักศึกษาทำประโยชน์ให้กับประเทศ พร้อมทำความเข้าใจกับชุมชนว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างต้องร่วมมือกันทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ถ้าคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ไม่ทำด้วยกันแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเนื้อที่ 22 ไร่ 3 งาน 36 ตารางวา ให้แก่ประธานและกรรมการสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด และมอบใบอนุญาตก่อสร้างของสหกรณ์ฯ ให้แก่ประธานและกรรมการสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด

ก่อนกล่าวเปิดงานว่า วันนี้รู้สึกยินดีอีกวันหนึ่ง สัปดาห์นี้มีแต่เรื่องดีๆ มาหลายเรื่องยินดีแล้ว เพราะ 2-3 วันนี้ได้ไปเปิดรถไฟฟ้า3-4 สาย หลังจากนี้ก็จะมีผลงานแบบนี้มาให้พี่น้องประชาชนคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ควบคู่คุณภาพชีวิตและรายได้ อย่ารอการช่วยเหลืออย่างเดียว

วันนี้ขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคการศึกษา ถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตนให้เกียรติทุกคนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามอยากให้โครงการเหล่านี้เกิดขึ้นในชุมชนอื่นๆ ด้วย จึงต้องรีบทำ รัฐบาลยินดีสนับสนุน เพื่อให้ทันตามงบประมาณที่มีอยู่ ทั้งหมดเป็นการเดินตามยุทธศาสตร์ชาติว่า 5 ปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อจัดสรรงบฯ ลงไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้คลองทุกคลองเป็นคลองสู่น้ำใสสะอาด ถ้าทุกคลองสวยงามคนก็จะเข้ามาเที่ยวมากขึ้นในอนาคต และจะเกิดแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ วันนี้เห็นรอยยิ้มทุกคนรู้สึกดีใจ ทุกคนไม่ต้องตื่นเต้นกับนายกฯ ตื่นเต้นกับบ้านใหม่ดีกว่า นายกฯ ตื่นเต้นกับทุกคนมากกว่า และวันหน้าก็อย่าทอดทิ้งตน เพราะอาจมานอนหรือมาขอข้าวกิน และขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด รักษาภูมิทัศน์บ้านเรือน ช่วยตัวเองไปด้วยเหมือนกับโครงการคนละครึ่ง

ชอบกันหรือไม่โครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะมีพิจารณาให้ต่อไปตามความเหมาะสม ไม่ใช่การให้เปล่าเพราะจะไม่เกิดการหมุนเวียนในระบบ ที่สำคัญคนขายก็อย่าไปขึ้นราคาสินค้า เพราะคนไม่ซื่อจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน รัฐบาลมีโครงการดีๆ ออกมาก็จะมีปัญหาหมด ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยและต้องดำเนินคดีไป

อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนได้บ้านไปแล้วจากนี้อะไรก็ดีขึ้น กินอิ่ม หลับสบาย ไม่ฝันร้าย วันหน้ารัฐบาลจะทำโครงการดีๆ แบบนี้อีกเรื่อยๆ เพราะนโยบายรัฐบาลต้องการให้คนไทยทุกคนมีบ้านอยู่อาศัย เพราะทั้งหมดเป็นคนไทยอย่ารังเกียจกันและแบ่งแยกกันไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากมีบ้านอยู่แล้วต้องช่วยกันให้คนอื่นๆ มาร่วมมือในระยะต่อไปด้วย ถ้าขัดแย้งขัดขวางอยู่ก็ทำไม่ได้สักอัน และวันนี้ทำงานรุ่นสู่รุ่น โดยต้องคิดยาวๆ อย่าคิดเฉพาะหน้า จะได้ไม่ขัดแย้ง และขอให้ทุกคนร่วมกันดูแลประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของพวกเราให้ดีก็แล้วกัน เพราะนี่เป็นหลักชัยของประเทศ และวันนี้ฝากทุกคนรักตำรวจด้วย

พอนายกฯ พูดถึงตอนนี้ มีประชาชนตะโกนว่า “รักนายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวตอบว่า “อ่อ รักนายกฯ ก็เผื่อถึงตำรวจด้วย เพราะนายกฯ ก็ดูแลตำรวจอยู่ และต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ส่วนกฎหมายก็จำเป็นต้องใช้ แต่จะไม่ได้เป็นศัตรูกัน”

นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า พูดแล้วก็เหนื่อย แต่ไม่ได้ ต้องทำได้ ถ้าทุกคนร่วมมือ ร่วมกับนายกฯ ก็มีกำลังใจจะทำให้ ทุกหน่วยงานก็รอกำลังใจจากพวกเราทุกคน ซึ่งหลายคนเกี่ยวข้องทุกโครงการ จากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดกันไป ตัดตอนตรงไหนได้หรือไม่ ตัดพ่อสู่ลูก ตัดปู่สู่หลานไม่ได้ สังคมก็จะอ่อนแอ ตนไม่อะไรกับใครเพราะจะขัดแย้งกัน ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราต้องเข้มแข็งและรักษาอัตลักษณ์ของเรา โดยเฉพาะสังคมครอบครัว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณเด็กนักเรียนและนักศึกษาที่มาในวันนี้ขอให้ฟังเด็กเขาเยอะๆ และเด็กก็ฟังผู้ใหญ่พูดด้วย ถ้าไม่รวมใจไทยสร้างชาติก็ไปไม่ได้หมด จะล้มเครือข่ายหรือสิ่งที่ตกทอดกันมาไม่ได้หรอก เหมือนหลายประเทศโตขึ้นมาก็แยกบ้านอายุ 16-17 ปี ก็มีงานทำ แต่ข้อดีคือเสียภาษีให้กับประเทศได้ แต่ประเทศไทยเราเป็นสังคมต้องอยู่กับพ่อแม่

บางคนวันนี้จะแก่อยู่แล้วแต่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย ซึ่งพ่อแม่เป็นผู้มีบุญคุณ ซื่อสัตย์ กตัญญู จงรักภักดี จิตอาสา เผื่อแผ่แบ่งปัน หากใครคิดจะโกรธให้นับ 1 ถึง 10 ให้ได้ก่อน นายกฯพยายามนับให้ถึง 5 แต่ก่อนนับแค่ถึง 2 ก็โกรธแล้ว แต่พระท่านสอนมาว่าให้นับถึงร้อย ตนคิดว่าไม่ถึง แต่ท่านจึงสอนว่าวันนี้ให้ถึง 10 ก่อน

และถ้าทำได้ถึง 10 เมื่อไหร่ ใครพูดอะไรมายิ้มอย่างเดียว พูดเพราะขึ้น เพราะทุกคนชอบคำหวาน แต่ระวังบางครั้งคำหวานมักแฝงด้วยยาพิษที่อยู่ข้างใน ขอความจริงใจกันดีกว่า วันนี้ท่านรักผม ผมก็รักท่าน ท่านไม่รักผม ผมก็รักท่าน ไม่เคยน้อยใจ ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป เข้าตัวเขาเอง ถ้าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น วันนี้มีความสุขได้เจอพวกเราทุกคน

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ทำพิธีลงเสาเอก พร้อมกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า มีอยู่เพลงหนึ่งที่ผมเคยฟังและฮิตติดอันดับอยู่ ที่บอกว่า “ถ้าเราจะรักกันอยู่ที่ไหนก็จะรักใช่ไหม” ชื่อเพลงอะไรนะ ผู้ร่วมงานจึงตะโกนบอกชื่อเพลง “ถ้าเขาจะรัก” ขับร้องโดยเฟิร์ส อนุวัฒน์ นายกฯ จึงพูดขึ้นว่า อ๋อชื่อเพลง ‘ถ้าเขาจะรัก อยู่เฉยๆเขาก็รัก’ ถ้าเราเริ่มเกลียดตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ มันก็จะรักไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า เมื่อถึงช่วงนี้ นายกฯ หันไปถามรัฐมนตรีที่มาร่วมงาน แล้วกล่าวต่อว่า ไม่ต้องเหมือนกับเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อรักเธอคนเดียว เราขอฟังเพลงพวกนี้ให้มันสดชื่นไปเรื่อยๆ เพราะมีเรื่องเยอะแยะหนักหนาสาหัสก็แก้ไป ด้วยศรัทธาก็จะสำเร็จ ทั้งนี้เพลงดังกล่าวเป็นเพลงโปรดของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และเป็นคนแนะนำให้นายกรัฐมนตรี

สำหรับโครงการบ้านมั่นคง ชุมชนวัดรังสิต มี 377 ครัวเรือน ซึ่งโครงการบ้านมั่นคงเฟสแรกเป็นการรื้อย้ายบ้านเดิม 98 หลัง ตามแนวคลองประมาณ 628 เมตร ซึ่งสามารถก่อสร้างบ้านใหม่ให้สมาชิกได้ 210 หลัง และแผนต่อไปจะรื้อย้ายบ้านเดิม 166 หลัง และสร้างบ้านใหม่เฟสสอง 144 หลัง ในปี 2564 โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 117,830,531 บาท ซึ่งงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรเป็นงบประมาณจาก สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน โดยขนาดบ้านในโครงการแบ่งเป็น 2 แบบ คือ บ้าน 1 ชั้น ราคา 289,948 บาท ผ่อนเดือนละ 1,423 บาท และบ้าน 2 ชั้น ราคา 465,312 บาท ผ่อนเดือนละ 2,579 เป็นจำนวน 20 ปี ซึ่งรัฐจะสมทบช่วยส่วนหนึ่งด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน