วันที่ 19 ต.ค. แหล่งข่าวจากป.ป.ช. เผยว่า เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ได้ส่งต่อข้อความลักษณะเป็นจดหมายเปิดผนึกเพื่อให้ร่วมกันลงชื่อเป็นการแสดงข้อคิดเห็นต่อกรณี ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ยกร่างพ.ร.บ.สตง.มาตรา 7 วรรค 3 ที่ระบุว่า หากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯสตง.) มีอำนาจดำเนินการไต่สวนเบื้องต้น แล้วให้แจ้งผลต่อคณะกรรมการป.ป.ช. หากมีมูลความผิดก็ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำเนินการ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเกิดปัญหาความขัดแย้งขององค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่าง ป.ป.ช. และ สตง.

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนการไต่สวนเบื้องต้น แต่อาจเป็นร่างที่มีเนื้อหาขยายขอบเขตหน้าที่อำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 242 และมาตรา 244 กำหนด อีกทั้งยังขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (2) ด้วย

ทั้งนี้ การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆ โดยเฉพาะในการดำเนินคดีอาญา บุคลากรที่จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดี ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินคดีอาญา ดังนั้น การกำหนดให้ผู้ว่าสตง.เป็นผู้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยเฉพาะในหลักประกันในการให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. เนื่องจากหน้าที่และอำนาจของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวข้องเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ในด้านวินัยการเงินและการคลัง มิใช่องค์กรในการดำเนินคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมิใช่เจ้าหน้าที่สอบสวนคดีอาญา

ดังนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ผู้ปฏิบัติโดยตรง จึงเห็นพ้องกับความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าร่างพรป.สตง.ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหาประวิงเวลาซึ่งมีอยู่จำกัดโดยการกลั่นแกล้งกล่าวหาพนักงานไต่สวนไปยังผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จึงเห็นควรตัดเนื้อหาของร่างมาตรา 7 วรรค 3 ออกทั้งวรรค

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน