“จุรินทร์” แจงยิบทุจริตถุงมือยาง อ้างอำนาจบอร์ด อคส.เป็นอำนาจแต่งตั้ง โดยคณะรัฐมนตรี ตนเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ สั่งอะไรบอร์ดไม่ได้ เพราะต้องการแยกการเมืองออกจาก อคส.

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.เวลา 09.00 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 3 โดยแจงว่า ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายไปแล้วทั้งสิ้น 27 ชม. 10 นาที 25 วินาที คงเหลือเวลาในการอภิปราย 22 ชม.58 นาที 44 วินาที

ต่อมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายเปิดแผนผัง ตัวละครทุจริตถุงมือยาง โดยโยงคนใกล้ชิด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยมีการทำสัญญาลวง เมคออเดอร์ แหกตาการซื้อขาย พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูล พร้อมคลิป และแชทไลน์ ที่มีการพูดคุย เพื่อให้มีการทุจริต โดยกรณีคดีทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว ขององค์การคลังสินค้า 112,500 ล้านบาท มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท

ต่อมา 10.35 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ประเด็นที่มีการอภิปรายไม่ใช่เรื่องใหม่ของสภาฯเพราะเคยมีการพูดกันเมื่อมีการตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี และนายกฯได้มอบหมายให้ตนมาตอบกระทู้ ซึ่งเชื่อว่าตนตอบชัดเจนตามสมควร แม้จะมีเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น

ซึ่งสิ่งที่ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจอดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้ากับพวก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ และอีก 7 บริษัท ประธานบอร์ดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเห็นด้วยเกือบจะเรียกว่าทุกประการ ไม่มีอะไรไปโต้แย้ง แต่ขอปฏิเสธว่าตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทาง หรือแอบสั่งการในที่ลับหรือที่แจ้ง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องขออภัยที่ต้องใช้คำว่าผู้อภิปราย”โกหกหลายประการ”ต่อที่ประชุม โดยเรื่องกมธ.พาณิชย์ ที่หยิบยกขึ้นมาเอ่ยอ้างว่ามีการกล่าวพาดพิงถึงรัฐมนตรี มีจริงแต่อ้างไม่หมด ส่วนที่บอกว่าตนไม่เคยตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงินหรือหน่วยงานมีอำนาจไม่อายัดเงิน หรือไม่ดำเนินคดีหรือไม่เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อหรือแถลงข่าวไม่เป็นความจริง

เพราะมีการตั้งกรรมการสอบโดย อคส. และตนก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องนี้ตลอดเพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โต พาดหัว เท่านั้นเอง ส่วนกรณีที่บอกว่าหลังย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยอคส.นายกฯไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งเฉย ขอชี้แจงเพื่อความเป็นธรรมว่าทันทีที่ตนทราบเรื่องก็ดำเนินการจนย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.ไปประจำสำนักนายกฯโดยคำสั่งของนายกฯ และตนก็มาตอบกระทู้ความคืบหน้ามาโดยลำดับ

“การที่เอ่ยอ้างถึงประธานบอร์ด โดยบอกว่าใกล้ชิดเป็นคนสนิทของนายบัญญัติ สิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอก ไม่ว่าคุณจะรู้จักใคร รู้จักผู้ใหญ่ขนาดไหน รู้จักนายกฯ หรือรัฐมนตรี ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า หรือทำอะไรก็ได้ เมื่อทำผิดกฎหมายต้องเข้าคุก เรื่องนี้ผมไม่ยอม ไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม ผมจะจัดการทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่ผมอยู่ในอำนาจหน้าที่และกฎหมายให้อำนาจผม ขอพูดไว้ต่อสภาฯไม่ใช่ไปพูดที่ใด รวมทั้งการเอาเทปมาเปิดและตีความผิดเพื่อจงใจใส่ความ ทำให้คนเข้าใจผิดว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง”รมว.พาณิชย์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การที่บอกว่าตนมอบนโยบายเตรียมการทุจริตให้ประธานบอร์ดไปดำเนินการซื้อขายถุงมือยางและสอดคล้องนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภาฯว่ากระทรวงพาณิชย์จะจัดการให้ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ค้าขายยางออนไลน์ รวมทั้งตลาดถุงมือยางนั้นเป็นงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไม่ใช่ถุงมือยางเทียม เป็นถุงมือยางธรรมชาติ ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง ส่วนที่ผู้อภิปรายถามว่าตอนทำสัญญาแสนล้านบาทตนไปอยู่ที่ใดนั้น ตนตอบไม่ถูก เพราะไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้ไปร่วมกระบวนการสมคบกับใครทำสัญญาแสนกว่าล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ขอชี้แจงว่า อคส.เป็นรัฐวิสาหกิจ ของกระทรวงฯ ไม่ใช่ส่วนราชการที่รัฐมนตรีมีอำนาจไปสั่งปฏิบัติราชการหรือสั่งการทางนโยบายได้ และคนที่มีอำนาจวางนโยบายคือบอร์ดเท่านั้น และมีอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการในการแต่งตั้งถอนถอดโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่รัฐมนตรีมีอำนาจจำกัดตามพระราชกฤษฎีกาอคส.ฉบับใหม่ 2535 เนื่องจาก นำรัฐมนตรีออกจากการเป็นประธานบอร์ดแต่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่แทน

เหมือนรัฐมนตรีกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ ระหว่าง ครม. บอร์ด ผู้อำนวยการและพนักงาน ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ต่างจากกรมที่รัฐมนตรีดูแล เพราะต้องการให้ อคส.เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง

นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ทันทีที่ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่รับทราบความไม่ชอบมาพากลและรายงานให้ตนทราบ ไม่ได้แปลว่าตนไม่ได้ทำอะไร เพราะใช้อำนาจที่มีอยู่จำกัดดำเนินการร่วมกับผู้อำนวยการอคส.หลายอย่าง ดังนั้น การบอกว่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเป็นการใส่ความ เพราะหลังจากที่ได้รายงานนายกฯแล้วนายกฯก็ลงนามคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกฯ

มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้นก็มีมติระงับโครงการทันที และผู้อำนวยการอคส.ก็ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับอดีตรักษาการอคส.กับพวก และบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ รวมทั้งแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีของอดีตรักษาการ ผอ.อคส.กับพวก หลังจากนั้นได้ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.เอาผิดกรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก็มีการรายงานให้ตนทราบเป็นระยะๆ ซึ่งตนก็รับทราบและสั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ได้รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 กับตนว่าขณะนี้สอบเสร็จแล้ว มีเอกสาร 2,268 แผ่น พบผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมจากอดีตรักษาการอคส. 1 คน แต่มีเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน และได้รายงานข้อเท็จจริงต่อบอร์ดแล้วมีมติรับทราบ ขณะเดียวกันผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ได้ส่งสำเนารายงานการตรวจสอบไปยังป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนดำเนินคดี และนำผลที่พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมไปดำเนินการตั้งกรรมการสอบตามขั้นตอนทางวินัยของระเบียบอคส.ต่อไป ซึ่งตนได้รับทราบ และสั่งเร่งดำเนินการทางวินัย แพ่ง อาญา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ

“ผมได้ทำทุกอย่างเรียกได้ว่าครบถ้วนด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริงที่ตั้งใจจะนำคนผิดมาลงโทษและเอาเงิน 2 พันล้านบาท ของอคส.พร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็วภายใต้อำนาจที่มีอยู่” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ห่วงว่ามีการอายัดบัญชีหรือไม่ ขณะนี้ปปง.ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่ตนพูดได้เพราะไม่ได้แทรกแซงหรือล้วงความลับ แต่ทางประธานป.ป.ช.แถลงตั้งอนุกรรมการไต่สวนและลงมติอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนเงินได้ และการที่นายประเสริฐ หยิบยกการให้การของอดีตรักษาการ ผอ.อคส.มาพูด

โดยบอกว่าอดีตรักษาการ ผอ.อคส.พูดพาดพิงว่าตนรับทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางนั้น เป็นการฟังความข้างเดียว เสียยี่ห้ออดีตรัฐมนตรีหมดเลย เพราะรายงานนี้ตนไม่เคยมีโอกาสไปชี้แจงเลย มีแต่อดีตรักษาการผอ.อคส.เท่านั้น ทำไมท่านหัวอ่อนเช่นนี้ อย่างไรก็ตามตนให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่าดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะคนอย่างตนใครมากล่าวหาว่าโกง ไม่มีวันยอม ดูได้จากทนายความคนหนึ่งหาว่าตนโกงหน้ากากตนฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นการ กล่าวอ้างอะไรอย่าฟังความข้างเดียว

นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเทปที่นายประเสริฐนำมาเปิดนั้น ตนจับความได้ว่า “จะเก็บไว้ให้รัฐมนตรีเป็นผลงาน เดี๋ยวจะให้รัฐมนตรีมากดเดิน” เป็นอะไรตนก็ไม่ทราบ หรือทำอะไรก็ไม่ทราบ แต่นายประเสริฐ กลับพูดว่ามากดเงิน มันเจตนาอะไร มันมีตรงไหนที่บอกว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องทางมิชอบกับการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง งานนี้จะให้เป็นผลงานรัฐมนตรี ตนไม่รับ เพราะมันคือผลงานอัปยศ บอกเลยว่าจะนิมนต์ตนไปเป็นประธานกดปุ่มอะไร ตนไม่รับนิมนต์

“สิ่งที่เขียนในญัตติว่าพฤติกรรมของผมไม่มีธรรมาภิบาล แต่ท่านกำลังเรียกร้องอะไร ท่านเรียกร้องให้ผมใช้ธรรมาภิบาลหรือลุแก่อำนาจ อยากปลดใครก็ปลด อยากสอบใครก็สอบ ท่านทราบหรือไม่ว่าคนที่ลุแก่อำนาจ เคยมีตัวอย่างปรากฎให้เห็นมาแล้ว คืออดีตนายกรัฐมนตรี ท่านคงรู้จักดี จำได้หรือไม่ที่ ไปย้ายอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สุดท้ายไปศาลปกครองสูงสุด และศาลตัดสินว่าใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ไปศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ผมกำลังอธิบายว่าเหตุใดไม่ตั้งกรรมการสอบ ไม่ปลดประธานบอร์ด ไม่ต้องการใช้อำนาจที่ลุแก่อำนาจโดยไม่ชอบ เพราะเรื่องนี้ผมไม่มีอำนาจ และเรื่องอยู่ที่ป.ป.ช.แล้ว และหากป.ป.ช.ชี้มูลว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำความผิด ผมจะดำเนินการทุกวิถีทางภายใต้อำนาจ และให้ไปสู้คดีเองในชั้นศาลและอัยการ”นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่าสิ่งที่ตนจะทำต่อไปคือ หากกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบ อคส.ชี้ว่าใครผิด ก็จะตั้งกรรมการสอบวินัย ต้องรับโทษอย่างไร รวมทั้งตั้งกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดโดยส่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลส่งอัยการฟ้องศาล อคส.โดยผู้อำนวยการฯจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาด้วย และทันที ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลกำหนดโทษส่งให้ อคส.จะเร่งให้ผู้อำนวยการอคส.ลงโทษโดยเร็วที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน