เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า บัดนี้ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสร็จสิ้นลงแล้วอย่างสมบูรณ์และสมพระเกียรติ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนชาวไทยโดยพร้อมเพรียง เพราะถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบสูงสุด และเป็นเกียรติยศยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สนองพระมหากรุณาธิคุณ ตราบถึงวาระสุดท้ายแห่งการถวายบังคมลา ตามคตินิยมโบราณที่ว่า “ขอร่วมกันส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย”

รัฐบาลและคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานคำแนะนำอันทรงคุณค่า และทรงวินิจฉัยปัญหาในทางปฏิบัติจนขจัดคลี่คลายอุปสรรค สามารถดำเนินการต่อไปได้ในหลายเรื่อง ด้วยความเรียบร้อยทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและประชาชน ทั้งในเรื่องอาหารการกิน ดินฟ้าอากาศ การสัญจรการเข้าถวายบังคมพระบรมศพ และการมีส่วนร่วมในพระราชพิธี ดังที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้สร้างพระเมรุมาศจำลองขึ้นในทุกจังหวัด และพระราชทานหีบ ไฟหลวงจากพระหัตถ์ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญไปเป็นต้นเพลิงพระราชทาน ณ ทุกจังหวัดและในต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณารับเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประชุมร่วมกับคณะกรรมการหลายครั้ง เสด็จไปทอดพระเนตรและทรงติดตามงานทุกด้านอย่างใกล้ชิด พระราชทานคำแนะนำต่างๆ มาโดยตลอด และด้วยพระบารมีของทั้งสองพระองค์งานพระราชพิธีจึงสำเร็จลงได้ด้วยความเรียบร้อย สง่างาม สมพระเกียรติ และยังเป็นประโยชน์ทางด้านการอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรม

อีกด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯหาที่สุดมิได้ อีกประการหนึ่งรัฐบาลและคณะกรรมการอำนวยการจัดงานขอขอบคุณสถาปนิก วิศวกร จิตรกร ปฏิมากร ช่างศิลปกรรมทุกแขนง ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภาคเอกชน ช่างราชสำนัก ช่างสิบหมู่ ช่างพื้นบ้าน หรืออาสาสมัครที่ต่างได้บรรจงจัดสร้าง ตกแต่ง ประดับประดา หรือบูรณะซ่อมแซม ทั้งในส่วนของพระเมรุมาศ ราชรถ มหัคฆภัณฑ์ ทั้งหลายที่ใช้ในการพระราชพิธีและภูมิทัศน์อย่างประณีตบรรจง

นับว่าเป็นการชุมนุมงานฝีมือช่างชั้นครู สุดยอดแห่งศิลปกรรมอันวิจิตรอลังการทุกแขนง และเป็นที่ซาบซึ้งพระทัย และประทับใจของ พระประมุข พระราชวงศ์ ประมุข ผู้นำรัฐบาลนานาประเทศที่มาร่วมงานพระราชพิธีตลอดจนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจได้รับการกล่าวถึงด้วยความชื่นชมไปทั่วโลก

“รัฐบาลขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเตรียมงาน การฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ การต้อนรับ ดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจำนวนกว่าสิบล้านคนที่หลั่งไหลกันมากราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวก ดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักรโดยเฉพาะในอาณาบริเวณพระเมรุมาศ พระเมรุมาศจำลองและซุ้มวางดอกไม้จันทน์ทุกแห่ง จนการพระราชพิธีเสร็จสิ้นลง ทั้งขอขอบคุณบรรดาจิตอาสาเฉพาะกิจ จิตอาสาทั่วไป และอาสาสมัครที่ต่างเสียสละช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และเอื้อเฟื้อเกื้อกูลเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันอย่างดี

ที่นับว่าสำคัญยิ่งคือขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งที่อยู่ในประเทศ และต่างประเทศทั่วโลกที่ร่วมมือร่วมใจกันจัดกิจกรรมในส่วนของตน และปฏิบัติตาม คำเชิญชวนหรือร้องขอของทางราชการซึ่งจำเป็นต้องกำหนดขึ้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยตลอดจนสื่อมวลชน นักกีฬา ศิลปิน ทั้งนี้เป็นเพราะเราทั้งหลายต่างมีศูนย์รวมจิตใจร่วมกัน มีหัวอกเดียวกัน จึงปรารถนาจะพูดและทำอย่างที่คิดเห็นตรงกัน คือการทำความดีอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องมีใครมาแนะนำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาขณะนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชานุญาตให้จัดนิทรรศการพระเมรุมาศขึ้น ณ บริเวณสถานที่ที่เคยใช้เป็นพระเมรุมาศท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย.2560 รวมเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนจะมีการรื้อถอนต่อไป รัฐบาลจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนไปชมนิทรรศการดังกล่าว อันจะแสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับพระเมรุมาศ และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตลอดจนพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทั้งจะได้เก็บบรรยากาศประวัติศาสตร์นี้ไว้ในความทรงจำ เพื่อบอกกล่าวแก่ลูกหลานสืบไป

“พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน งานพระบรมศพเสร็จสิ้นลงแล้วดอกไม้จันทน์ที่เราวางเพื่อถวายราชสักการะได้เผามอดไหม้หมดแล้วดอกดาวเรืองนับล้านๆ ต้นทั่วประเทศอาจเริ่มร่วงโรย แถบผ้าดำขาวแสดงความอาลัยได้ปลดออกแล้ว แต่พระบรมราโชวาท ศาสตร์พระราชา และคำสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริร่วมสี่พันโครงการ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ยังคงดำเนินการต่อไป สิ่งเหล่านี้จะเป็นความทรงจำยิ่งใหญ่ที่เราทั้งหลายพึงสืบสานเจริญรอยพระยุคลบาท อันจะเป็นพระบรมราชานุสรณ์ สนองพระมหากรุณาธิคุณเป็นมงคลแก่ตนและเป็นพลังของแผ่นดินอย่างยั่งยืน ขอเดชะพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปกเกล้าปกกระหม่อม อภิบาลบันดาลดล ให้ประเทศไทยและประชาชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์มีพลังที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง สมดังพระบรมราชปณิธานและมีความร่มเย็นเป็นสุข วัฒนาสถาพรตลอดไป” นายกฯ กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน