“ปิยะ ต๊ะวิชัย” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แนวโน้มม็อบรุนแรงขึ้น ทุบทำลายสมบัติชาติ หวั่นพังถึงโบราณสถาน ประเมินการชุมนุมจากการข่าว

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 10 มี.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า จากการสรุปสถานการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเรือนจำพิเศษธนบุรี ที่มีการชุมนุม

โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่พิสูจน์ทราบตัวบุคคล และแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนบริเวณหน้าศาลอาญามีการทำกิจกรรมที่กระทบกับศาลนั้น พนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างหารือกับศาลว่า เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ หากมีความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม การกระทำใดมีลักษณะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลบริเวณพื้นที่ศาล ซึ่งถือเป็นเขตหวงห้าม การกระทำที่มีผลกระทบ อาทิ บุกรุกพื้นที่ หรือการกระทำที่รบกวนการปฏิบัติหน้าที่ของศาล การใช้เครื่องขยายเสียง แสงไฟฉาย หรือวิธีการอื่นๆ ประการใด อาจถือได้ว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้เช่นกัน

เมื่อถามถึงการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ระหว่างเดินทางกลับนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก เจ้าหน้าที่พอรู้กลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุแล้ว ขอเวลาทำงานสักระยะ คาดว่าจะออกหมายจับผู้ก่อเหตุเร็วๆ นี้

ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง 5 กลุ่มนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีในทุกมิติ การกระทำผิดใดๆ ทางบช.น.แจ้งเตือนมาตลอดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิด เมื่อยังฝืนกระทำโดยอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย คงไม่ได้ ยุคของพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.มีการดำเนินการตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เมื่อพยานหลักฐานปรากฏก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงการชุมนุมโดยไม่มีแกนนำ ทางตำรวจจะปรับยุทธวิธีรับมืออย่างไรหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การชุมนุมทุกครั้งไม่มีการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำ มีแกนนำแน่นอน มีการชักชวนกัน ผู้ชักชวนคือแกนนำ เพียงแต่จะเปิดเผยตัว หรือแอบอยู่เบื้องหลังแค่นั้น ส่วนการชุมนุมเย็นวันนี้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเตรียมกำลังอย่างเพียงพอ โดยให้ตำรวจในพื้นที่ สน.พญาไท บก.น.1 รักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันเหตุร้าย

บช.น.จัดกำลังเสริมกรณีการชุมนุมลุกลามมากขึ้น จึงไม่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม ว่าการชุมนุมถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย หากยังกระทำผิดซ้ำก็จะถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา หลายคดี

ส่วนการชุมนุมวันที่ 13 มี.ค.ที่จะมีการเดินทะลุฟ้าครั้งที่ 2 ไปทำเนียบรัฐบาล มีการวางแผนรับมืออย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า คงดูจากการข่าวและลักษณะการชุมนุม หากการข่าวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นต่อสถานที่ราชการสำคัญ ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาสมบัติของชาติ รักษาสถานที่ราชการสำคัญ และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ส่วนการประเมินมวลชนว่ามีจำนวนมากขึ้นหรือน้อยลง มีส่วนต่อการประเมินสถานการณ์ตั้งรับในการดูแลการชุมนุมหรือไม่ โฆษก บช.น.กล่าวว่า จำนวนเราไม่ห่วง แต่ห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง อย่างที่เห็นว่าผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีการทุบทำลายสถานที่ราชการ ทุบทำลายทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นทินเนอร์ เชื้อเพลิง พลุเพลิง พลุไฟ ดอกไม้ไฟ

สิ่งเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายลุกลามใหญ่โต รวมถึงบางครั้งในสถานที่ราชการโบราณสถานที่สำคัญ หากเกิดเหตุลักษณะดังกล่าวแล้วไม่สามารถฟื้นฟูหรือซ่อมแซมกลับมาเหมือนเดิมได้ บางอย่างเป็นโบราณสถานสร้างมาร้อยกว่าปี หากเกิดความเสียหายถือเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของประเทศด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน