“พิชัย” จี้ บิ๊กตู่ ห้าม ทบ. เรื่องโซลาร์เซลล์ 30,000 เมกกะวัตต์ ชี้กำลังผลิตไฟฟ้าล้น ทำค่าไฟฟ้ายิ่งแพง อยู่นอกแผน PDP และผิดกฎหมาย แนะคืนที่ดินกองทัพเข้ากรมธนารักษ์ เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ และลดภาษีน้ำมัน

วันที่ 11 มี.ค.64 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้ยินว่ากองทัพบกจะทำโครงงานผลิตไฟฟ้า 30,000 เมกกะวัตต์ จากโซลาร์เซลล์มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท ก็นึกว่าคงพูดเล่นตลกๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่พอนานขึ้นไม่เห็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ออกมาชี้แจงหรือออกมาห้ามปราม ทำให้สงสัยว่าพลเอกประยุทธ์กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมจึงปล่อยให้กองทัพบกแถลงการณ์และจะทำเรื่องแปลกประหลาดผิดหน้าที่และยังผิดหลักเกณฑ์และผิดข้อกฎหมายแบบนี้ได้

ทั้งนี้ เพราะปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีกำลังผลิตล้นมากถึง 46,745 เมกกะวัตต์ ในขณะที่ไทยมีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 28,637 เมกกะวัตต์ หรือมีกำลังผลิดสำรองเกินอยู่ 59% และยังจะมีโปรเจกต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะมีกำลังผลิตเพิ่มเข้าระบบอีก 6,940 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าไทยมีการผลิตไฟฟ้าเกินล้นแล้ว ซึ่งมีโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ถึง 8 โรง จาก 12 โรง ที่ไม่ได้เดินเครื่องเลยตลอดทั้งเดือน

ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะใช้ไฟฟ้าจากกำลังผลิตที่ค้างอยู่ และยิ่งถ้าเศรษฐกิจไทยโตในระดับต่ำแบบนี้อาจใช้เวลา 7-10 ปีได้ ซึ่งการผลิดไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ของกองทัพบกจำนวน 30,000 เมกกะวัตต์ ยังมากกว่าการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปัจจุบันเสียอีก การที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าล้นจะทำให้ราคาไฟฟ้าแพงขึ้นเพราะประชาชนจะต้องจ่ายค่าความพร้อมในกำลังผลิตส่วนเกินนี้รวมเข้าไปกับค่าไฟฟ้าทำให้ประชาชนต้องจ่ายเพิ่ม

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวน่าจะผิดกฎเกณฑ์และผิดกฎหมายด้วย เพราะประเทศไทยมี พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ได้จัดตั้งและมอบอำนาจให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีอำนาจและหน้าที่ในการกำหนดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับซื้อไฟฟ้า อีกทั้งยังกำหนดให้การจัดหาไฟฟ้าเน้นการแข่งขันและมีส่วนร่วม เพื่อดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภค

อีกทั้งยังมีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) เป็นแผนแม่บทในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ว่าด้วยการจัดหาพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว ดังนั้น การที่กองทัพบกจะคิดเองทำเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของ กกพ. และไม่เป็นไปตามแผน PDP น่าจะไม่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และน่าจะผิดกฎหมายด้วย

อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่ได้ชี้แจงการใช้เงินนกองทุนอนุรักษ์พลังงานให้กับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมถึง กอ.รมน.และ ศอ.บต.จำนวนหลายพันล้านบาท เพื่อทำโครงการ และปรากฏชัดเจนว่ามีหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการโซลาร์เซลล์มีปัญหาอย่างมาก โดยพบว่าอุปกรณ์มีราคาแพงมาก และยังใช้การไม่ได้ แถมยังล่องหนในบางที่ ขนาดโครงการเล็กๆ ยังทำกันเละเทะขนาดนี้ แล้วจะทำโครงการใหญ่ให้ดีคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ความมั่นคงทางพลังงานในปัจจุบัน น่าจะไม่ใช่การสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม แต่เป็นการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสีย การสร้างนวัตกรรมและการสร้างโครงข่าย

อย่างไรก็ดีการที่กองทัพบกแจ้งว่าที่ดินเหลือ ไม่ได้ใช้ประโยชน์กว่า 3 แสนไร่ ก็ควรจะคืนที่ดินนี้ให้กับกรมธนารักษ์ โดยที่ตนเคยเป็น รมช.คลังดูแลกรมธนารักษ์มาก่อน จึงทราบว่ากองทัพมีที่ดินราชพัสดุจำนวนมาก ดังนี้ จึงอยากขอให้กองทัพบกส่งมอบคืนที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วตามที่บอกว่าจะนำมาทำโซลาร์เซลล์นี้ให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อรัฐบาลจะได้นำไปพัฒนาเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนและเศรษฐกิจได้

ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ประชาชนน่าจะได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเหล่านี้เพื่อจะใช้ประทังชีวิตและฟี้นฟูเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ปัจจุบันราคาน้ำมันก็สูงขึ้นมากทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก พลเอกประยุทธ์ควรจะต้องพิจารณาลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ลดลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตามที่ตนเคยเรียกร้องมาหลายครั้งแล้ว

ในสถานะการณ์เช่นนี้ พลเอกประยุทธ์จะต้องระวังอย่าให้ประชาชนคิดว่าประเทศไทยเป็นรัฐทหาร ที่ทหารจะคิดทำอะไรก็ได้ จะทำธุรกิจหรือจะทำโปรเจกต์ใดๆได้ โดยไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์และกฎหมาย ทั้งๆ ที่กองทัพไม่ได้มีความชำนาญและไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ เพราะสุดท้ายแล้ว ความเสียหายจะเกิดกับประเทศและประชาชนที่ต้องมาแบกรับภาระในความผิดพลาด เพราะทุกวันนี้ความผิดพลาดในการบริหารประเทศตลอดหลายปีโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีความชำนาญ ก็สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลอยู่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน