“บิ๊กตู่” ลงนามตั้ง คกก.แก้ปัญหา กะเหรี่ยงบางกลอย รัฐบาลขอเวลา 30 วัน ตัวแทนพีมูฟ เสนอ 3 ข้อ ยุติดำเนินคดี ให้พี่น้องกลับใจแผ่นดิน ทำไร่ได้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่หมู่บ้านบางกลอย ซอยชมัยมรุเชฐ ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัธรรมศาสตร์ กล่าวปาฐกถา ระหว่างร่วมพูดคุย และรับฟังปัญหาชาวบ้านบางกลอยว่า ตนได้ศึกษาวิจัยเรื่องความขัดแย้งและความรุนแรง และประวัติศาสตร์การเมือง จะพูดสั้นๆ 2 ประเด็นคือ ความรุนแรงต่อกลุ่มชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยต่างๆ และ อคติคความรุนแรง กับพี่น้องชาวบางกลอย ตกเป็นเหมือของความรุนแรงที่เห็นชัด มีประจักษ์พยานมากมาย แต่ไม่ใช่แต่ชาวบางกลอย ยังมีกลุ่มอื่นๆ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศตกเป็นเหยื่อนี้ (ขณะนี้มีการศูนย์ข้อมูลความรุนแรงโดยศูนย์ข่าวสารสันติภาพ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และก่อนหน้านี้โดย UN )

จากข้อมูลพบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ถูกกระทำความรุนแรงในหลายรูปแบบ เช่น แกนนำถูกอุ้มหาย ลอบสังหาร บ้านเรือนที่พักอาศัยถูกเผา ไล่ที่โดยเจ้าหน้าที่รัฐ และบางกรณีเป็น กลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีรัฐหนุนหลัง แต่ความรุนแรงแบบนี้เป็นแค่มิติเดียวเท่านั้น มันยังมีความรุนแรงในอีก 2 มิติที่อยากชวนให้มอง คือ ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง และเชิงวัฒนธรรม

ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าวอีกว่า การถูกปิดกั้นโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำทางศรษฐกิจ ความยากจน ไร้โอกาสทางการศึกษา การบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิ อันนี้คือความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ส่วนความรุนแรงเชิงวัฒนธรรมนั้น ดำรงอยู่มายาวนานและส่งผลกระทบลึกซึ้งที่สุด นั่นก็คือ การถูกเหยียดหยาม ดูถูก ดูหมิ่นว่าไม่ใช่คนไทย ว่าเป็นพวกล้าหลัง

ซ้ำด้วยมายาคติว่ากล่าวหาว่า เป็นพวกตัดไม้ทำลายป่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อคติเช่นนี้ที่รัฐวาดภาพให้กลุ่มชาติพันธ์นำไปสู่การสร้างความเกลียดชัง และสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐในการใช้ความรุนแรงและกฎหมาย อย่างไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน

การดูถูกอัตลักษณ์และ ทำลายวัฒนธรรมดั้งเดิมไม่ให้ชาวบ้านดำรงวิถีชีวิตของเขาคือความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรมน่ากลัวที่สุดเพราะมันทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ได้มองพี่น้องชาติพันธ์เป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม”ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าว

ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาบางกลอย ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ และปัญหาที่พบในอีกหลายพื้นที่ แท้จริงแล้วจึงมีประเด็นร่วมกันอยู่ นั่นก็คือ อคติความเป็นไทย ความเป็นไทยที่ถูกนิยามอย่างคับแคบ ความเป็นไทยที่ถูกนิยามโดยรัฐราชการ คือ ความเป็นไทยที่ไม่ยอมรับความแตกต่างหลากหลายและเสมอภาคทางศาสนา เชื้อชาติ เพศสภาพ และอุดมการณ์

รัฐไทยโดยเฉพาะตั้งแต่ยุคเผด็จการทหารในสมัยสงครามเย็น เอาความเป็นไทยไปผูกกับความมั่นคง และใช้กำลังและกฎหมายบังคับ และกดปราบประชาชนที่มีความแตกต่างหลากหลายจากความเป็นไทยที่รัฐนิยาม บังคับให้พวกเขาเปลี่ยนอัตลักษณ์ เปลี่ยนความเชื่อ และวิถีชีวิต โดยไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็มนุษย์ บังคับให้ทุกคนมีอัตลักษณ์เดียวและห้ามวิพากษีวิจารณ์รัฐ

ความเป็นไทยที่ถูกนิยามอย่างคับแคบและผูกขาดโดยชนชั้นนำราชการเช่นนี้ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและความสันติของคนในชาติ หากสังคมจะเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจริงอย่างที่กล่าวอ้าง เราต้องทำให้ความเป็นไทยวางอยู่บนฐานของการยอมรับความแตกต่างหลากหลายและเคารพศักดิ์ศรีของผู้คนทุกกลุ่มในชาติ เคารพทุกกลุ่มในฐานะพลเมืองที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ชาติไทยที่น่าอยู่คือ ชาติที่เคารพ คือ ชาติที่ประชาชนทุกกลุ่มมีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย และกฎหมายมีไว้รับใช้คนธรรมดาสามัญ มิใช่ปกป้องนายทุนและชนชั้นนำจำนวนน้อย ชาติที่นับรวมทุกคน ปกป้องคุ้มครองทุกคนโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ภาษา ศาสนา เพศสภาพ และ
ความคิดความเชื่อทางการเมือง ชาติพันธุ์ก็คือชาติ คือส่วนหนึ่งของชุมชนชาติไทย คนไทยทุกคนรักขาติ รักแผ่นดินเกิด และจะรักยิ่งขึ้นไปกว่านี้ ถ้าชาติมีความเป็นธรรม เป็นประชาธิปไตย และมี ความเท่าเทียม เพราะชาติพันธุ์ก็คือคน และชาติพันธุ์ก็คือพลเมืองเท่ากับคนอื่นๆ”ผศ.ดร.ประจักษ์

ต่อมาเวลา 11.50 น. นายประสาน วังรัตนมณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางนำเอกสารคำสั่งนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ทำการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต ของกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ แก้ไขปัญหาฯจำนวน 28 คน เพื่อลงพื้นที่เข้าไปศึกษา แก้ไขปัญหา รวบรวมปัญหา เพื่อนำเสนอหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมให้เป็นไปตามกฏหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่ถูกต้องโดยขอเวลาทำงานเป็นเวลา 30 วัน ลงวันที่ 16 มีนาคม 2564 ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ด้าน นายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรียกร้องว่า ระหว่างแก้ไขปัญหาจะต้องไม่มีการดำเนินอีก จะต้องยุติไปก่อน สำหรับเรื่องแรกที่ต้องทำ คือ 1.การจัดสาธารณูปโภคให้พี่น้องที่ลงมาบางกลอยล่าง 2.จัดสรรที่ดินให้เพียงพอกับพี่น้องพอใจจะอยู่บางกลอยล่าง 3.จะต้องให้พี่น้องที่อยากกลับไปใจแผ่นดิน ได้ปลูกไร่ ทำไร่นา เพื่อเลี้ยงชีพได้ ขอให้เน้น 3 ข้อหลักนี้ ปัญหาจึงจะยุติได้

นายจำนงค์ หนูพันธ์ อีกหนึ่งตัวแทน พีมูฟ กล่าวว่า การแก้ปัญหา ถ้ารัฐบาลตั้งใจด้วยการลงพื้นที่ก็จะสามารถบรรลุได้ จึงฝากรัฐบาลไว้ว่า ต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องทุกกลุ่มโดยไม่เลือกปฏิบัติ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ตามนโยบายที่แถลงในสภา ซึ่งเราสามารถนำกระบวนการนี้ใช้แก้ปัญหาทุกกลุ่มได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน