‘ธนาธร’ ปรากฎตัวร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไข รธน. ร่วมกลุ่ม Re-Solution ไอติม ย้ำ ไม่ต้องการอะไรมากกว่า รื้อระบอบประยุทธ์ ใครเป็นนายกฯ ก็ได้ แค่ไม่ใช่ คสช.

วันนี้ (6 เม.ย.) 15.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมายังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของกลุ่ม Re-Solution จัดกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญใหม่ 6 เมษา! เริ่มนับหนึ่ง #ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ โดยได้รับความสนใจและตอบรับ กับผู้ที่เดินทางร่วมงานดังกล่าวจำนวนมาก

ต่อมา ในห้องประชุม LT1 คณะนิติศาสตร์ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พูดถึง “ล้ม วุฒิสภา : เดินหน้าสภาเดี่ยว” ว่า ขอย้ำว่าการมีสภาเดี่ยวจะทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้น แต่ถ้ายังไม่เป็นสภาเดี่ยวระบอบประยุทธ์ก็ยังสามารถแต่งตั้งคนของตัวเองขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนมาร่วมลงชื่อกับเรา

โดยขอฝากข้อความถึงกลุ่มคนที่กำลังพยายามจะดึงสังคมไปข้างหน้า ว่าอยาเพิ่งหมดหวัง ถึงแม้เราจะไม่รู้อนาคตอีก 6 เดือนหลังจากครบแคมแปญนี้แล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากมีจังหวะเวลาที่เราพร้อมจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้เข้าไป และหากผ่านได้จริงก็จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ดีกว่าเราไม่ทำอะไร จึงขอให้กำลังใจทุกคนที่พยายามจะต่อสู้

กลุ่มที่ 2 ที่อยากฝากคือ คือกลุ่มที่คิดว่าเป็นผู้ควบคุม เป็นเจ้าของ หรือได้ประโยชน์จากระบบที่ล้าหลังในปัจจุบัน หรืออาจจะคิดว่ามีปืน มีอำนาจ มีกองทัพอยู่ในมือ แต่เกมชักกะเย่อนี้ลมมันพัดไปข้างหน้า สังคมมีแต่จะก้าวหน้าไปข้างหน้า วัฒนธรรมประชาธิปไตยมีแต่จะเบ่งบานก็เรื่อยๆ หากคุณยังพยายามรั้ง ไม่พยายามช่วยตัวเองเดินไปข้างหน้า สักวันหนึ่งเชือกจะขาด จะเกิดเป็นการปะทะทางความคิดและคนที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังคือพวกคุณ

ดังนั้นขอให้เดินไปพร้อมกัน และคนสุดท้ายที่อยากฝากคือกลุ่มที่ออกตัวเป็นคนกลาง ซึ่งคำว่า resolution นั้นไม่ได้ต้องการอะไรมากแค่ต้องการจะรื้อระบอบประยุทธ์ ต้องการให้คนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียงเท่าเทียมกันในการเลือกใครมาเป็นนายกฯ ไม่ใช่ คสช.ที่มีอำนาจมาเลือกไม่ว่าจะเป็นใคร แต่สามารถแข่งขันบนกติกาการที่เท่าเทียมและเป็นธรรมไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมี สว. 250 คนมาให้ท้าย

ด้าน น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระพูดถึงการ “เลิก ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป : ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ” ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำลังเป็นโซ่ตรวนล่ามประเทศเอาไว้ วันนี้เรามียุทธศาสตร์ชาติแต่กลับเป็นชาติที่ยังไม่มียุทธศาสตร์อะไร แต่กลับเป็นเครื่องมือผูกมัดไม่ให้สังคมก้าวไปข้างหน้า

ทั้งนี้หากในการเลือกตั้งครั้งใหม่ก็เสี่ยงที่จะเป็นเครื่องมือในการแกล้งรัฐบาลใหม่หากเป็นขั้วตรงข้าม ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติมีการวางเป้าหมายไว้ทุก 5 ปี ซึ่งปี 2565 ก็จะเป็นหมุดหมายแรกที่ประกาศใช้ แต่รายงานสรุปการดำเนินงานประจำปี 2563 ทำโดยสภาพัฒน์ปรากฏว่าจะแผนแม่บทและแผนแม่บทย่อยทั้งหมด 177 เป้าหมาย บรรลุผลเพียง 19 %เท่านั้น ดังนั้นเหลืออีก 1 ปี 8 เดือนที่จะต้องทำให้บรรลุเป้าหมาย ที่เหลืออยู่ทั้งหมด

“ยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชนเพราะมีที่มาจากคณะกรรมการ 34 คนที่แต่งตั้งโดยคสช. ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารและนักธุรกิจ ที่เป็นเครือข่ายผลประโยชน์ของพลเอกประยุทธ์ เสี่ยงเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งหน่วยงานภาครัฐ สิ่งที่เขียนขึ้นมาไม่ได้ทันสมัยทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทางออกคือเลิกใช้สิ่งเหล่านี้และกลับไปสู่ครรลองของประชาธิปไตยปกติ ปล่อยให้พรรคการเมืองต่างๆมีอิสระเสรีแข่งขันการสร้างนโยบายในการพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน” น.ส.สฤณี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน