‘บิ๊กตู่’ ลั่นหยุดสักที พวกเที่ยวที่อโคจร! เตือนนักการเมืองเป็นบทเรียน บอกตัวเองไม่เคยไปมาหลายสิบปี แต่ตอนหนุ่มๆคนละเรื่อง ขู่ฟ้องคนโยง ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก ร่วมกับคณะแพทย์ ว่า ขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวไว้ด้วยกับสถานการณ์ในวันนี้ ที่ตนบอกว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดนั้น

เพราะตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ไม่มีอะไรจบปุ๊บปั๊บเพราะเป็นเรื่องเชื้อโรค เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าหลังโควิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก เช่น เชื้อสายพันธุ์ใหม่ ย้ำว่าตนให้ความสำคัญทุกช่วงเมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมทั้งเชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน มาด้วย โดยหารือหลักการนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

แต่ปัญหาคือต้องไปแก้ไขเรื่อง อย.และเภสัชด้วย เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน เพราะเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ไปหาทางว่าเอาเข้ามาได้อย่างไรเพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก วันนี้เราจึงเดินหน้าเรื่องวัคซีนทางเลือก โดยหารือกับผู้ผลิต เพราะมีหลักการหลายอย่างเกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากอยากหาวัคซีนช่วยรัฐบาล ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้น แต่มีปัญหาในเรื่องนำเข้าซึ่งเกี่ยวกับต่างประเทศ จึงต้องไปปลดล็อกตรงนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาแล้ว 3.5 แสนโดส และเดือนเม.ย.นี้ จะเข้ามาเพิ่มเติม 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาตามลำดับ เว้นแต่มีปัญหาที่ต้นทาง ซึ่งจะควบคุมได้ยาก

ส่วนที่จํานวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น 300-400 คน ที่ทำให้ตระหนกกันนั้น ยืนยันว่าเราควบคุมได้ โดยหาตัวมาเข้าสถานกักตัว เข้ารับการรักษา และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเตรียมการไว้ทั้งหมดหากสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น นายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งใคร ขณะเดียวกันวันนี้ได้ข่าวมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอและพยาบาลติดเชื้ออีก ดังนั้นทำอย่างไรไม่ให้มีการระบาดในโรงพยาบาลจึงต้องมีโรงพยาบาลสนามไว้ตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยืนยันว่าน้ำยาตรวจมีเพียงพอ ไม่มีปัญหาอะไร

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเอง เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นไปในที่อโคจร ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้ทำอย่างไร เพราะไปสั่งห้ามคนไม่ให้ไปไม่ได้ มีอย่างเดียวคือสั่งปิดสถานบริการ วันนี้สั่งปิดเพิ่มอีกใน 41 จังหวัด แล้วใครเดือดร้อน เราโทษใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อคนไทย นายกฯ เข้ามาเพื่อแบบนี้ นอกจากนี้ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเสี่ยง ต้องได้รับการดูแล

สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย แบบ New Normal การไปรดน้ำพระหรือไปที่มีคนจำนวนมาก ยังอันตรายทั้งหมด จึงขอให้รดน้ำคนที่บ้าน นอกจากไหว้พระ แล้วต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย มีจิตสำนึกรู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงในช่วงรอมฎอนด้วย ขอให้ระมัดวังที่สุด เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังไม่หยุด มีคนติดเพิ่มเป็นหมื่นๆ บางประเทศตายเป็นแสนๆ แต่ของเราไม่ได้จะว่ามากหรือน้อย เพราะชีวิตคือชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องฉีดวัคซีนอย่ามองว่าช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ หลายประเทศไม่ต้องจัดหาวัคซีนเองด้วยซ้ำ เช่นประเทศมีรายได้น้อย แต่เป็นการให้ฉีดทดลองก่อน แล้วเรากล้าหรือไม่ ดังนั้น ไม่ใช่ช้ากว่าเขา ถ้าวัคซีนมีฉีดได้หมด แต่เราไม่ใช่วัคซีนบริจาค ซื้อเอง เพราะเรารายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องบริหารความเข้าใจให้ได้ ลดความแตกแยก เพราะทุกคนเป็นคนไทยและสำคัญทั้งหมด ตนเองในมุมหนึ่งเป็นนายกฯ และนักการเมือง แต่ก็เป็นประชาชนเหมือนทุกคน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานโดยมี นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ ศบค. เป็นประธานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และบริหารการฉีดวัคซีน โดยต้องฉีดให้ได้อย่างน้อย 45 ล้านคนทั้งประเทศ

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนนำเข้าวัคซีนของภาคเอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศเขาไม่ยอมลด เพราะมีมาตรฐานที่ทั้งโลกต้องดำเนินการ แต่ปัญหาหลักคือตอนนี้ต่างประเทศจะขายให้เราหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้มีการแย่งวัคซีนกัน ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการช้าไปกว่าประเทศอื่น

อย่างในประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนกา ยังประสบปัญหาผลิตไม่ทัน เพราะคนติดเชื้อมากขึ้น ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อภายในประเทศไทยก็มีมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เจ็บและไม่ตาย รักษาให้ได้ ขณะนี้ยารักษาภายในประเทศนั้นเพียงพอ ส่วนวัคซีนนั้นสามารถป้องกันได้ แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ 100% เป็นเพียงเพิ่มภูมิต้านทานให้ติดเชื้อยากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉีดวัแล้วจะไปในสถานที่อโคจร ไม่เช่นนั้น ก็ติดอยู่ดี

เมื่อถามถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจหาเชื้อโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุ เกิดจากสาเหตุเตียงโรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่โรงพยาบาลสนาม ยืนยันว่าขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ พร้อมอธิบายว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

ส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเพียงแผน หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน หากจะบังคับใช้ได้จริงจะต้องออกเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศ เช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่าแผนเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่

ทุกวันนี้ต้องย้ำเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีนักการเมืองหรือรัฐมนตรีบางคนเดินทางไปสถานที่อโคจร รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้ อยู่ที่ตัวบุคคล วันนี้ตนมองว่าเป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา เป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจร ไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ เขาก็โอเค ตนสั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน​ ผ่านการประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์​ สั่งงานผ่านแอพ​พลิเคชั่น​ไลน์​ ไม่ใช่​ 14 วันและจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ​ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็รับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วย รวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ​

ส่วนกรณี​ที่รัฐสภาเลื่อนพิจารณา​ร่างพ.ร.บ.ประชามติ น​ายกรัฐมนตรี​ย้อนถามว่า เพราะอะไร ก็เพราะมีการติดเชื้อโควิด​ ซึ่งตนจะไปบังคับใครไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องของสภา​ เมื่อมีการระบาดสมาชิกก็กลัวจะติดไปด้วย​ ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งกรณีร่างพ.ร.บ.จะผ่านหรือไม่ผ่าน​ เพราะหลายอย่างที่เสนอผ่านรัฐบาลไปแล้วเป็นสิ่งที่เห็นชอบ และจะไปควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไร​ เพราะทุกคนมีความคิด ไม่ต้องไปสั่งเขา​

ส่วนมาตรการ​ของทางแต่ละจังหวัด​ที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดนั้น นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 อย่าง​ คือจังหวัดจะจัดการพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างไรและจะเข้าไปอย่างไร​ อีกประการคือคนที่จะเข้าไป​ มาจากพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า​ การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่​

ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่​ ศบค.​จะเป็นผู้แถลงชี้แจง​ และในวันนี้​สถานบันเทิงก็มีปิดตัวลง​และได้รับความเดือดร้อน​ด้วย อีกทั้งตนยังสั่งตำรวจดูแลในเรื่องอุปกรณ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์​ในจุดตรวจด่านแอลกอฮอล์​เพื่อลดการแพร่ระบาด​ ยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหลอดเป่าอยู่ตลอด ไม่ใช่การเป่าปี่หรือดูดแต่อย่างใด​

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทย​คู่​ฟ้า ว่า​ สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่​ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า​ ไปทำโน่นทำนี่​ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย​

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน