เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติอัดรัฐบาล กระหายแต่อำนาจ บริหารไม่เป็นทำประเทศ-ปชช.ลำบากไม่สิ้นสุด

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ที่ตนหายไปนาย เพราะป่วยหนักมาก จากผลกระทบต่อเนื่องของฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่ทำให้หลอดเลือดอักเสบ เลยต้องพักรักษาตัวออกมากลางแจ้งไม่ได้เลย วันไหนค่าฝุ่นสูงอาการก็จะกำเริบ ทั้งๆ ที่ทานยาควบคุมอยู่ ตนเลยอยากจะฝากไปถึงนายกฯ และรัฐบาลว่าเห็นแก่ประเทศและประชาชนในชาติบ้าง อย่าให้เขาต้องสังเวยสุขภาพ และชีวิตกับความต้องการอยากมีอำนาจ แต่ด้อยความสามารถบริหารจัดการ ให้ทีมงานรัฐบาลลงพื้นที่ดูแล้วพูดคุยเรื่องโควิด เศรษฐกิจ ฝุ่นพิษดูว่าประชาชนจะสรรเสริญรัฐบาลขนาดไหน โดยเฉพาะหัวหน้าคณะรัฐประหาร ทั้งนี้ จากเดิมฝุ่นพิษจะมีมากช่วงอากาศปิดในช่วงปลายปีถึงต้นปี ตอนนี้มีตลอด จนวันนี้ค่าฝุ่นในกทม.ก็สูงเกินค่ามาตรฐาน เช้านี้วัดได้เกิน 50 ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน ในเรื่องโรคระบาดโควิด 19 เผยให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นความสามารถที่ติดลบของรัฐบาลอย่างชัดเจน คนที่เคยเป่านกหวีดเรียก พล.อ.ประยุทธ์มาต่างรับไม่ได้กับการบริหารจัดการโควิดแบบไร้ทิศทางและหาจุดจบไม่ได้ มีเพียงการชี้หน้าโทษว่าเป็นความผิดของประชาชน ทั้งที่แท้จริงคือการไม่มีความสามารถบริหารจัดการโรคระบาดของรัฐบาล

น.ส.เกศปรียา กล่าวต่อว่า การชี้หน้าโทษว่าประชาชนทำให้เกิดโรคระบาด ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริหารประเทศที่ดีควรทำ การที่บอกไม่ได้ว่าจะจบสถานการณ์โรคระบาดเมื่อใด ก็ไม่ใช่คุณสมบัตินักบริหารที่ดี ดูตัวอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษ การระบาดในปีที่ผ่านมาหนักหนากว่าไทยมาก มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ตอนนั้นยังไม่มีวัคซีน แต่พอวัคซีนเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ความสามารถในการบริหารจัดการวัคซีนของประเทศทั้งคู่ดีมาก ควบคุมโรคได้แล้วในเวลา 1 ปีกว่าๆ สมกับเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ตัดสินใจบนพื้นฐานคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนก่อน ไม่มีการระบาดระลอกใหม่ในขณะที่มีวัคซีนแล้วเช่นประเทศไทย ส่วนชุดตรวจโควิดยังขาดแคลนอยู่ สถานพยาบาลไม่รับตรวจ ในขณะที่ทั้งโลกมีชุดตรวจโควิดด้วยตนเองจำหน่าย รวมทั้งบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดร้ายแรง ทำให้การฉีดวัคซีนในไทยล่าช้ากว่า ลาว เขมร ไม่ต้องเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างอเมริกา อังกฤษ แบบนี้จะให้ประเมินการบริหารจัดการของรัฐบาลว่าติดลบกี่คะแนน การบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดร้ายแรงมาจากพื้นความเป็นเผด็จการ ที่จะตัดสินใจบนพื้นฐานคิดถึงผลประโยชน์ตนเอง

“สิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ทุกคนต้องมี คือการเลือกตัดสินใจเองเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพและชีวิตตนเอง ไม่มีใครต้องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลเลือกให้ ด้วยเหตุผลพวกพ้องรัฐบาลได้ผลประโยชน์ การคิดจะผูกขาดวัคซีนในระยะแรกของรัฐบาลเป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายกับประชาชนอย่างมาก เพราะลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในการดูแลรักษาตนเองของประชาชน
ทั้งนี้ ผู้บริหารที่มีจิตสำนึกที่ดีถ้าประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการบริหารงาน ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด ไม่ใช่ยืนยันจะเป็นรัฐบาลที่มีแต่ความอยากมีอำนาจ แต่บริหารไม่เป็น สร้างความลำบากให้กับประชาชนส่วนใหญ่ต้องอดทนโรคระบาด ความอดอยาก และมลพิษไม่มีที่สิ้นสุด” น.ส.เกศปรียา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน