คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ฉิบหายไม่ต้องรีบ – รัฐเฮงซวยไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้โควิดระบาดจากอภิสิทธิ์ชน ทั้งรอบแรก รอบสอง รอบสาม แต่โรคระบาดก็เอื้อให้รัฐหวนกลับมาใช้อำนาจบังคับประชาชน บนความหวาดกลัว-หวังพึ่ง จนยอมให้ใช้อำนาจเกินจำเป็น

โควิดเสริมอำนาจ “รัฐบิดา” ทั้งที่ประชาชนโกรธตัวสั่น อุตส่าห์ระวังเข้มงวด จนบางช่วงไม่ได้ทำมาหากิน โควิดยังระบาดจากบ่อน คลับ เลานจ์ ตำรวจเฝ้าคลับติดโควิดระนาว กลับมาขู่ม็อบอย่าซ้ำเติมสังคม

แต่นิสัยคนไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก พอกลัวโรคลุกลามก็หันมาโทษกันเอง ประณามคนนั้นคนนี้ “ไม่รับผิดชอบสังคม” แล้วแห่ชื่นชมดาราไฮโซ

รัฐก็ฉวยโอกาสใช้อำนาจบังคับ ปกปิดไทม์ไลน์โดนแจ้งจับ แต่รัฐมนตรีเอาที่สบายใจ ใครติดโควิดไม่รายงานตัว เจ้าบ้านไม่แจ้ง ฯฯ ผิดหมด กลายเป็นประชาชนทำอะไรก็ผิดทั้งที่รัฐทำฉิบหาย

เดี๋ยวพอใช้อำนาจเข้มงวดแล้วควบคุมได้ก็จะอวดว่าเห็นไหม เหนือชาติใดในโลก ถ้าไม่ยอมให้รัฐมีอำนาจมาก ไม่ให้งบกองทัพเยอะๆ เอาไว้ตั้ง ร.พ.สนาม โควิดคงลุกลามตายเป็นเบือ

พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีไว้ปราบม็อบเท่านั้น แต่มันเสริมอำนาจ “รัฐบิดา” ให้ประชาชนเชื่อฟังหวังพึ่งรัฐราชการพึ่งผู้ว่าฯ โดยไม่สามารถมีปากเสียง มีแต่ขอความปรานี

อย่างไรก็ดี โควิดรอบนี้ต่อให้คุมได้ หลายอย่างก็สายเสียแล้ว เช่น ความไม่พอใจของประชาชนที่ได้วัคซีนล่าช้า จนส่งผลกระทบเศรษฐกิจ

เข้าใจตรงกันนะ โควิดไม่ทำให้คนไทยตายเป็นเบือหรอก แต่จะตายเพราะไม่ได้วัคซีน ไม่สามารถเปิดท่องเที่ยวค้าขาย สงกรานต์นี้ SME รีสอร์ตโรงแรมหวังให้คนเดินทาง ต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย ที่ไหนได้ อย่าบอกว่ารอวัคซีนอีกเดือนกว่าๆ ไม่ช้าอะไร เพราะกว่าจะเปิดประเทศได้ ปลายปี ประเทศอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว

นี่ยังไม่พูดว่าถ้ามีเหตุอุบัติอะไร ไม่สามารถทำตามตารางเป๊ะๆ ว่าจะฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส หรือมีผลข้างเคียงจากการแทงม้าตัวเดียว

มองย้อนไปตอนธนาธรไลฟ์สดจนโดนแจ้งจับ 112 ความห่วยของรัฐทำให้คำพูดธนาธรมีน้ำหนักขึ้นทุกวัน

กลับมาเปิดประเทศได้ ก็ใช่ว่าเศรษฐกิจไทยจะเงยหัวพุ่ง วันเวลาแบบนั้นไม่หวนมาอีกแล้ว แม้ได้อานิสงส์เศรษฐกิจโลกบ้าง เช่น ฟันด์โฟลว์ไหลมาเก็งกำไร หรือส่งออกได้มากขึ้น แต่การลงทุนจะย้ายไปที่อื่น ที่มีศักยภาพกว่า การเมืองชัดเจนแน่นอนกว่า

คุณว่าสถานทูตต่างๆ ไม่รู้หรือ การเมืองไทยกำลังขัดแย้งกันเรื่องอะไร คนรุ่นใหม่ลุกฮือเรื่องอะไร อำนาจที่คุมประเทศอยู่นี้ เชื่อมั่นได้หรือไม่ แล้วเขากระซิบบอกนักลงทุนอย่างไร BOI จึงมีแต่ตัวเลขขอส่งเสริม แต่ไม่มาลงทุนจริง

ถ้าจะหวังได้ ก็มีแต่ “กฎหมายขายแผ่นดิน” ให้สัดส่วนคนจีนซื้อบ้านซื้อคอนโดฯเพิ่ม (ชาติอื่นไม่ค่อยมาหรอก มีแต่คนจีนนั่นแหละ)

ในทางการเมือง ขอแย้งเลขาธิการพรรคก้าวไกล การยุบสภาอาจเป็นไปได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐเชื่อว่าคุมกลไกฐานเสียงระบบอุปถัมภ์ได้หมด แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ตีจากหรอก อย่างมากก็ทะเลาะกันในหม้อต้ม พรรคประชาธิปัตย์ต่อให้สูญพันธุ์ก็ยังประจบเอาใจขั้วอำนาจอนุรักษนิยม โอกาสที่รัฐบาลจะล่มเพราะพรรคร่วมถอนตัวจึงเป็นไปได้ยาก มีแต่พลังประชารัฐชิงความได้เปรียบ ยุบสภาถีบหัวส่ง

ยุบสภาคืนอำนาจให้ 250 ส.ว. โหวตตู่กลับมาใหม่ ไม่ช่วยอะไร ถ้าพลังประชารัฐชนะภายใต้กติกานี้ ก็จะยิ่งสั่งสมความโกรธความไม่พอใจ ไม่ยอมรับระบอบรัฐสภาภายใต้รัฐธรรมนูญมีชัย นำไปสู่การเคลื่อนไหวนอกสภามากยิ่งขึ้น

แต่ขณะเดียวกัน อำนาจที่ควบคุมสังคมก็ไม่แยแสใคร ไม่ปรับตัว ไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย มีแต่จะบีบคั้นสังคมหนักขึ้น ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพมากขึ้น เช่นจะออก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฉบับใหม่ ใช้ 116,112 มากขึ้น

ฝ่ายอนุรักษนิยมที่สุดขั้วสุดโต่งคงพอใจ ปราบม็อบได้เบ็ดเสร็จ โควิดช่วยซ้ำ “ตู่ ไทยไม่ทน” ต้องม็อบออนไลน์ แต่หาตระหนักไม่ว่า การจับกุมคุมขังแกนนำม็อบราษฎร จนกระทั่งเพนกวินอดอาหารขอสิทธิประกันตัวนานกว่าคานธีขอเอกราช เป็นสัญลักษณ์แห่งการแตกหักระหว่างอำนาจจารีตกับคนรุ่นใหม่ ที่ไม่สามารถหวนกลับไปใช้ “พระคุณ” เปลี่ยนใจคน มีแต่จะพัฒนาไปสู่การต่อสู้อย่างถึงราก และต้องใช้อำนาจปราบปรามอย่างดิบเถื่อน จนกระทั่งทุกอำนาจเสื่อม

ที่แนวร่วมราษฎรส่งจดหมาย 5 หมื่นฉบับถึงเพนกวิน-รุ้ง ให้เลิกอดอาหาร ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เพราะได้ถลกหนังกระบวนการยุติธรรมจนล่อนจ้อนแล้ว

โควิด เศรษฐกิจ การเมือง สั่งสมความโกรธ ความอับจน ทุกอย่างแย่ลงภายใต้อำนาจที่ไม่ปรับเปลี่ยนแม้แต่น้อย ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ไม่ยืดหยุ่น ยึดติดกับประยุทธ์ ความใหญ่โตของรัฐบังคับประชาชนได้ แต่ความฉิบหายของประเทศมาอย่างช้าๆ โดยไม่สามารถฟื้นคืน ในอัตราเร่งขึ้นทุกขณะ

ไม่ต้องรีบ ได้เห็นแน่ ว่าจะไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน