เพื่อไทย จัด 4 ทีมลุยแก้ปัญหา “โควิด-19” จี้ กรุงเทพมหานคร เพิ่มบุคลากรแจ้งข้อมูลพื้นที่เสี่ยง ประชาชน บี้รัฐบาล ดูแลพื้นที่ตามความร้ายแรง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.พร้อมด้วยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และ น.ส.สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. ร่วมแถลงกรณีพรรคพท.ปรับองคาพยพรับมือวิกฤตโควิด-19 ระดมความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนและ ส.ส.ใน กทม.และต่างจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุด โดยมีผู้เสียชีวิต 148 คน ติดเชื้ออีก 2 พันกว่าคน และมีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้น สถานการณ์เช่นนี้เป็นปัญหาสำคัญในการดำรงชีวิต และเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องแก้วิกฤต พรรคพท.ขอระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งทรัพยการภาครัฐ ภาคเอกชน ความร่วมมือประชาชนเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน ขอให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า และประชานที่กำลังฝ่าวิกฤติ

ทั้งนี้ พรรค พท.แบ่งการทำงานเป็น 4 ทีม ดังนี้ 1.ทีมกองหน้า เป็นทีมพื้นที่ ประกอบด้วย ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.และตัวแทนพรรค พท.ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ คอยให้การสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งรายงานข้อมูลเข้ามาเพื่อให้พรรคลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ ทั้งนี้ พรรคพท.จะใช้องคาพยพ บุคลากรของพรรคทำงานเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า 2.ทีมกองกลาง คือทีมสนับสนุน ระดมทรัพยากร เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อสนับสนุนทีมกองหน้า 3.ทีมประชาสัมพันธ์ จัดทำคู่มือป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อสร้าความเข้าใจ และใช้รถโมบายล์สื่อสารให้ความรู้และ 4.ทีมนโยบาย รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนมาวิเคราะห์เพื่อเป็นนวทางแก้ปัญหา โดยพรรคพท.จะเป็นตัวกลางประสานความร่วมมือจาก ส..ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เพื่อฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า ภาค กทม.เรามี ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ครบทั้ง 50 เขต โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่การระบาดครั้งเฟสแรกตั้งแต่ปี 63 โดยได้ดำเนินการมาโดยตลอด นอกจากลงพื้นที่พบปะประชาชนแล้ว เราได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์

นอกจากนี้เรามีคู่มือ 7 ข้อหลักๆ ในการเฝ้าระวังตัวเองและการติดต่อภาครัฐกรณีหากพบประชาชนติดเชื้อ ส.ส.จะคอยติดตามอาการและช่วยประสานภาครัฐอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ วิกฤตนี้เป็นเรื่องของคนทั้งชาติที่ต้องร่วมมือกัน ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ไม่ได้ทำหน้าที่การเมืองอย่างเดียว สามารถประสานกับภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้เดือดร้อน

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อรัฐบาลบริหารภารกิจล้มเหลว ปัญหาจะไปตกที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเราพยายามเข้าช่วยเหลือโดยการประสานเรื่องเตียง ที่ภาครัฐบอกมีเตียงเหลือ แต่เมื่อสอบถามผู้ป่วยกลับยังไม่ได้เตียง ดังนั้นเมื่อมีประชาชนแจ้งเข้ามาที่ตัวแทนพรรค พท. เราจะขอเบอร์ติดต่อเพื่อสอบถามอาการ และนำเรื่องเข้าส่วนกลางที่พรรคเพื่อประสานต่อกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ยกภาระไปที่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว

นอกจากนี้เราจะนำอาหารหรือยารักษาอาการตัวเองในเบื้องต้นไปมอบให้ เพื่อลดความเสี่ยงในการออกมาแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ทั้งนี้ ประชาชนยังสับสนว่าจะทราบข้อมูลได้อย่างไรว่ามีคนที่ติดเชื้อที่ไหน และตัวเองจะมีโอกาสเสี่ยงในการไปสัมผัสเชื้อหรือไม่ โทรเข้าสายด่วนก็ไม่ได้ข้อมูลเพราะบุคลากรไม่เพียงพอ ในส่วนของ กทม.อยากให้เพิ่มบุคลากรเพื่อแจ้งข้อมูลกรณีพบผู้ติดเชื้อ เพื่อลดความสับสนวุ่นวาย

น.ส.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ขอให้ภาครัฐจัดลำดับความสำคัญ พื้นที่ใดเป็นพื้นที่เสี่ยงอันดับต้นๆ ท่านต้องระดมสรรพกำลังเข้าไปควบคุม โดยเขตภาษีเจริญของตนมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นอับดับ 1 ใน กทม. ขอให้ท่านเข้ามาดำเนินการควบคุม หากไม่ดำเนินการก็จะแก้ไขไม่ได้

ทุกวันนี้ประชาชนหวาดกลัว หากมีเสียงมีรถพยาบาลเข้าไปจะกลายเป็นพื้นที่วังเวงไปเลย ภาครัฐและสาธารณสุขต้องเข้าทำความเข้าใจ ส่วนที่ กทม.กำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย 100% หากไม่สวมจะโดนปรับนั้น หลายคนก็ยังขาดแคลน อยากให้ภาครัฐเข้ามาแจกจ่าย ลงมาดูแลอย่างใกล้ชิด ขอให้แบ่งการดูแลตามน้ำหนักความร้ายแรงของแต่ละพื้นที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน