เมื่อวันที่ 19พ.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯประกาศว่าปี2561คนจนจะหมดไป ว่า อยากจะให้กำลังใจให้แก้ปัญหาความยากจนให้สำเร็จ แต่การปฏิบัติของรัฐบาลที่มุ่งรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจจึงสร้างระบบที่ผิดเพี้ยน กำหนดกติกาการเมืองการปกครอง ที่ไม่ปกติ ไม่เป็นประชาธิปไตยเชื่อมโยงกับสากล อาทิ หลักการกำหนดให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่กลับให้นายกฯมาจากคนนอกได้, ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง,ระบบเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ,การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีอำนาจครอบคลุมทุกองค์กรฯลฯ เห็นชัดเจนว่าระบบการเมือง การปกครองดังกล่าว เป็นระบบอำนาจนิยม และกฎหมายผ่านการทำประชามติในอำนาจของคณะรัฐประหาร จึงเป็นปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญสูงสุดในการปกครองประเทศ

นายชวลิต กล่าวว่า นอกจากนั้นการบริหารงานของรัฐบาลยังทำลายความเชื่อมั่นประเทศเสียเอง ทั้งที่ให้คำมั่นกับองค์กรระหว่างประเทศ และมิตรประเทศสำคัญว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ ไม่เคารพกฎหมาย เช่น มีคำสั่งคสช.มาเหนือกว่า พรป.พรรคการเมือง ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ขาดหลักนิติธรรม โดยออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลังเป็นโทษกับบุคคลได้ รวมถึงแก้ไขปัญหาทุจริต แบบลูบหน้า ปะจมูก เห็นได้จากมีการร้องเรียนมากมาย แต่สนช.ไม่เคยมีการอภิปราย ตรวจสอบรัฐมนตรี หรือหน่วยงานในกำกับรัฐบาล ทำให้ช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากขึ้น จนผลสำรวจคะแนนนิยมของนายกฯ ลดลง แสดงให้เห็นว่าแม้จะขยัน แต่ระบบและการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว ก็ทำลายความเชื่อมั่นประเทศและนำมาซึ่งการบริหารที่ล้มเหลว ดังนั้นทางออกของปัญหาคือ รัฐบาลรีบคืนอำนาจให้ประชาชน ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติสงบสุข ด้วยการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน