เมื่อวันที่19 พ.ย. รายงานข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. ระบุว่า จากกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงที่มีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน กรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (อดีตผอ.พศ.) นายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. และนางสาวประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน20 ล้านบาท และเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ นายพนม และน.ส.ประนอม ไปแล้วนั้น

ทั้งนี้ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาจและได้มีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน เนื่องจากพฤติกรรมการทุจริตเงินทอนวัดมี 2 อย่าง 1.ทอนเป็นเงินสด 2.ทอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ทั้งนี้ คดีทุจริตเงินทอนวัดอื่นๆ ที่อยู่ในป.ป.ช. ล้วนมีรูปแบบการทุจริตเหมือนกันทั้งหมด และมีตัวละครเดียวกันกับกรณีทุจริตวัดพนัญเชิง สามารถนำกรณีนี้เป็นโมเดลได้ แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบ ผู้เกี่ยวข้องในคดีบางคนได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

“บางวัดเวลาทอนเงิน ทอนกัน90เปอร์เซ็นต์ และมีหลายที่เอาไว้ให้วัด2แสน แต่เก็บไว้ 5ล้าน10ล้าน ก็มี คุณไม่มีสิทธิไปรับเงินทอน เงินหลวง จะรับไม่ได้เลย แต่ถ้าวัดไม่ต้องการแล้วทอนคืนเป็นงบประมาณแผ่นดินก็จบ” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน