ส่อง ‘ย้ายประเทศกันเถอะ’ หลังแห่ร่วมกรุ๊ปครบล้าน! หลังเปลี่ยนชื่อเป็น “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” ผู้คนต่างมาร่วมแลกเปลี่ยนฮาวทู กันทั้งวันทั้งคืน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. จากกรณี ปรากฏการณ์กรุ๊ป “ย้ายประเทศกันเถอะ” ผุดขึ้นกลางเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อน ตามด้วยยอดสมาชิกที่เข้ามาหลายแสนคนภายในคืนเดียว เมื่อช่วงตันสัปดาห์ก่อน โดยผู้คนที่อยู่ในกรุ๊ปดังกล่าว ต่างเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า ชีวิตที่เป็นอยู่ในดินแดนแห่งนี้ มีแต่ความสิ้นหวัง คนเหล่านี้ “อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ในประเทศที่ตัวเองถือกำเนิดขึ้นมา แต่มองรัฐกี่ทีก็หมดหวัง เมื่อผู้นำสร้างบาดแผลและกดทับแก่ประชาชนผู้เห็นต่าง

รวมถึงการบริหารจัดการของภาครัฐในภาวะวิกฤตที่เขาเหล่านั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “มีปัญหา” ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนัก จนคิดว่า การหาดินแดนใหม่ เพื่อทำงานและใช้ชีวิต น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางออก

โดยกลุ่มนี้เปิดตัวขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 พ.ค. มีรายงานว่ากลุ่มดังกล่าวซึ่งไปเปลี่ยนชื่อเป็น “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” ได้มีสมาชิกกลุ่มทะลุมากกว่า 1 ล้านคน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับกลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าว มักจะมีการแชร์ประสบการณ์ และให้คำปรึกษาในการหาลู่ทางทั้งการใช้ชีวิต และทำมาหากิน ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศอื่น ในช่วงแรกมีการตั้งกลุ่มจำแนกตามประเทศต่างๆ ที่น่าสนใจ และเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงาน สร้างอาชีพตั้งรกรากยังต่างประเทศได้ ต่อมา ได้มีชาวไทยที่ใช้ชีวิตต่างแดนจากทุกมุมโลก ร่วมเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การอยู่ต่างประเทศ หลายคนเป็นประสบความสำเร็จ ทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงอยู่ในองค์กรชั้นนำของโลก

ขณะที่คนจำนวนไม่น้อย ก็เข้าไปทำงานทั่วไป แม้ไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงในประเทศนั้นๆ แต่ก็มีคุณภาพชีวิต และอยู่ในสภาพแวดล้อม สังคม รวมถึงเป็นประเทศที่ระบบการเมืองที่ดี จึงส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชีวิตประชาชน ทั้งนี้ ภายในกลุ่มยังมีการจัดคอร์ส แบ่งปันความรู้ทางภาษา กฎหมายในแต่ละประเทศ วิธีการเปลี่ยนสัญชาติ การขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกกฎหมายอยู่ตลอดเวลา

แม้กลุ่มดังกล่าว จะมีผูัใช้เฟซบุ๊กชาวไทยให้ความสนใจเข้ามารวมกับอยู่นับล้าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเป็นที่จับตาของเจ้าหน้าที่ และรัฐบาล โดย นายชัยวุฒิ ธนคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้สั่งจับตากลุ่มดังกล่าวเป็นพิเศษ โดยอ้างว่ามีคนร้องเรียนสร้างความแตกแยก หมิ่นสถาบันฯ หากผิดกฎหมาย ดำเนินการเฉียบขาด โดยกล่าวตอนหนึ่งระบุว่า

“เท่าที่ติดตามหลายๆโพสต์ก็เป็นเรื่องแนะแนวการศึกษา และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ที่แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศก็มีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยก และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงฯ คณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในออนไลน์อยู่ และกำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด”

ก่อนหน้านี้ ในคลับเฮาส์ CARE Clubhouse x CARE Talk : คิดเคลื่อนไทย พลิกฟื้นวิกฤติโควิด กับ Tony Woodsome ที่มี “พี่โทนี่” หรือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยเป็นประจำในทุกๆเดือนกับกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ก็มีความเห็นถึงกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า ตกใจเหมือนกัน 4 วัน 7 แสนคน ผมว่าเราไม่พยายามจะเข้าใจประชาชน โดยเฉพาะ เจน Z เจน Y วิธีคิดเขามันไม่เหมือนเรา generation gap ไม่เข้าใจกัน เกิด Digital gap ความเข้าใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความไม่อยากฟัง มีอำนาจจะใช้แต่อำนาจ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปเข้าใจ “ถ้าผมเป็นนายกฯ มันคงไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผมคงไม่ปล่อยให้คนต้องอดตาย หรือรมควันตัวเองตาย เราต้องพัฒนาด้านต่างๆให้มากกว่านี้”

“ความไม่เข้าใจเกิดขึ้นได้ แต่นี่ไม่เข้าใจแล้วไม่พยายามฟัง ไม่ทำความเข้าใจ แล้วไปใช้แต่อำนาจ ใช้กฎหมายใส่เด็ก เราต้องทำความเข้าใจ แล้วไปทำเศรษฐกิจให้ดี ไม่ใช่มาบอกว่าคนพวกนี้ไม่รักชาติ บ้าไปแล้ว นี่มันไม่พยายามเข้าใจเขา วิธีคิดเขาต่างกับเราที่เกิดจากเราในยุคปากกัดตีนถีบ คนไม่เข้าใจลูก ลูกคิดอย่างหนึ่ง ตีลูก ลูกหนีหมด เวลาปกครองลูก ต้องเหมือนเป็นเพื่อน เขาจะกล้าพูดความจริงกับเรา แล้วเด็กยุคนี้ อย่าโกหกเขานะ ทำผิด เขาให้อภัยได้ แต่โกหกไม่ได้ และอย่าไปก้าวล่วงชีวิตเขา” ทักษิณ กล่าวตอนหนึ่ง

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน