ภูมิธรรม ยก 4 ข้ออัดรัฐจัดงบบกพร่อง ยอมรับไม่ได้ ไร้ยุทธศาสตร์นำประเทศพ้นวิกฤต ซัด “ประยุทธ์” ต้นตอปัญหา

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.64 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า

งบประมาณปี 65 กระจกสะท้อนตัวตนของรัฐบาล : ไร้ฝีมือ ไม่มีวิสัยทัศน์ ปกป้องพวกพ้อง ทอดทิ้งประชาชน เมื่อได้อ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งรัฐบาลเสนอสภาฯ ประชุมพิจารณาในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ ทำให้ตั้งคำถามว่านี่หรือคือการจัดงบประมาณในสภาวการณ์ที่ประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤติอย่างรุนแรงมากกว่าครั้งใดๆ โดยเฉพาะทางด้านสาธารณสุขและ ด้านเศรษฐกิจ ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 มีข้อบกพร่องอย่างไม่อาจยอมรับได้ 4 ประเด็นสำคัญ คือ 1.จัดงบแบบไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของปัญหา ทั้งในมิติการฟื้นฟู เยียวยา การป้องกัน การจัดสวัสดิการทางสังคม การพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความไร้ศักยภาพและความสามารถในการวางแผนงบประมาณ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญที่สอดคล้องความเป็นจริงของประเทศ ทำให้มองไม่เห็นภาพความชัดเจนในการซ่อมและสร้างประเทศให้เข้มแข็ง พร้อมที่จะขึ้นเวทีไปแข่งขันกับประเทศอื่นในโลกได้ แต่กลับเป็นแผนงบประมาณที่สะท้อนให้เห็นภาพประเทศไทยที่ยังคงเป็นผู้ป่วยหนักได้อย่างชัดเจน

นายภูมิธรรม ระบุว่า 2.จัดงบประมาณแบบปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้อง ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการปรับลดงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมและกองทัพในสัดส่วนที่แทบจะน้อยที่สุด ขณะที่กระทรวงซึ่งมีภารกิจในการดูแลทางด้านสาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านแรงงาน ด้านการพัฒนาสังคม กลับถูกปรับลดลงในสัดส่วนที่มากกว่างบประมาณด้านความมั่นคงและงบทางการทหาร สถานการณ์วันนี้เรากำลังเผชิญกับสงครามเชื้อโรค และสงครามด้านเศรษฐกิจ ต้องการการป้องกันทางสุขภาพและความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ มิใช่สงครามที่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์มาห้ำหั่นเพื่อเอาชนะทางการทหาร

3.จัดงบประมาณแบบไม่ใยดีกับทุกข์ร้อนของประชาชน ไม่มีความเข้าใจและไม่ตระหนักถึงปัญหา รวมทั้งผลกระทบจากสภาวะวิกฤตของประเทศ ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างเร่งด่วน จริงจัง ทั้งทางเศรษฐกิจ สุขภาพและสังคม ดังเช่นตัวอย่างการใช้งบประมาณในช่วงปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้แทบจะตายสนิท รวมทั้งเรื่องสำคัญคือการจัดซื้อวัคซีน และอุปกรณ์ทางสาธารณสุขด้านต่างๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการป้องกันโรคระบาดโควิดได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที กลับกลายเป็นปัญหาความล่าช้าจนปัญหาลุกลามไปใหญ่โต แทบจะเกินกำลังของระบบสาธารณสุขในการรับมือ

นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า 4.จัดงบประมาณแบบไม่มีวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล ขาดงบประมาณที่วางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเตรียมตัวให้ประเทศออกจากวิกฤต เช่น การเตรียมจัดงบที่สนับสนุนการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล การดูแลและฟื้นฟูงบประมาณให้ส่งเสริมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี การสนับสนุนการฟื้นฟูกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆทั้งธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจภาคบริการต่างๆ ธุรกิจรายย่อยจำนวนมากมายที่ประชาชนเผชิญซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่กระทบกระเทือนและล่มสลายลงเพราะภาวะการระบาดของโควิด จะเห็นได้ว่าการวางแผนงบประมาณปี 65 ของรัฐบาลนี้ เป็นการวางแผนงบประมาณตามกรอบคิดแบบงานประจำ อันเป็นกรอบคิดชุดเดิมมากกว่าการคำนึงถึงความเป็นจริงของประเทศในปัจจุบันและอนาคต ขาดการวางแผนอย่างมียุทธศาสตร์เพื่อจะจัดการนำประเทศให้ผ่านพ้นสภาวะวิกฤติ เป็นแผนงบประมาณที่ไม่ได้สร้างความหวังให้กับประชาชน ไม่สามารถ ซ่อมและสร้างประเทศได้ เป็นแผนงบประมาณที่ไม่อาจยอมรับในหลักการได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและ ครม. ควรยอมรับความจริงว่าพวกท่านไม่มีศักยภาพที่จะนำพาประเทศผ่านวิกฤติใหญ่ครั้งนี้ไปได้เพราะพวกท่านคือต้นตอสำคัญของปัญหา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน