“เสี่ยโจ้” อัดนายกฯ สอบตก ถามม้าตอบช้าง ไม่มีรายละเอียดใช้เงินกู้ ซัดกองทัพเรือยังจะซื้อเรือดำน้ำทั้งที่ประเทศต้องกู้เงิน จี้ทำโพล ถาม ปชช.ควรซื้อไหม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชรภารณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท.ร่วมแถลงข่าว โดยนายยุทธพงศ์ ในฐานะโฆษกรรมาธิการงบประมาณฯ กล่าวถึงความคืบหน้าของกรรมาธิการงบประมาณ 65 ว่า เราเริ่มประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยสภาพัฒน์ฯ ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 4-5 ส่วนงบประมาณ 65 จำนวน 3.10 ล้านล้านบาท

แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บ 2.60 ล้านบาท เงินกู้ 7 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่าจะจัดเก็บตามเป้าได้ ส่วนงบประมาณปี 64 ที่กำลังใช้อยู่ประมาณ 3.30 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ 2.67 ล้านบาท ซึ่งปีนี้กระทรวงการคลังคาดว่าจัดเก็บต่ำกว่าเป้าประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะพิจารณาตั้งอนุกรรมาธิการรวม 8 คณะโดยจะตั้งอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และในสัปดาห์นี้จะพิจารณากระทรวงการคลังต่อ กระทรวงพาณิชย์ และกระทวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้เปิดเพจเรือดำน้ำทางเฟซบุ๊ก “เรือดำน้ำไทย Thai Submarine” โดยยอมรับว่าตั้งงบซื้อเรือดำน้ำใหม่ 2 ลำ จำนวน 22,500 ล้านบาทอยู่ในงบประมาณปี 65 โดยอ้างว่ามีความจำเป็น เพราะเคยมีเรือดำน้ำประจำการมาก่อนตั้งแต่ปี 2481 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถึงตอนนี้มีความจำเป็นเพราะเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ทางทะเล แต่ตอนนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจ คนอดอยาก และการแพร่ระบาดของ โควิด-19 วันนี้เราไม่มีเงินจะซื้อ ต้องไปกู้เงินมา โดยปี 65 กู้ 7 แสนล้านบาท และสัปดาห์ที่ผ่านมาก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท

ถามว่าเรือดำน้ำสำคัญอย่างไรกว่าปากท้องและวัคซีนประชาชน หากกองทัพเรือมั่นใจว่าเรือดำน้ำเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ขอท้าให้กองทัพเรือทำโพลสอบถามประชาชน ว่าในภาวะเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะซื้อเรือดำน้ำใหม่อีก 2 ลำ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาว่ากรรมาธิการฯ คัดค้านหรือมีอคติกับกองทัพเรือ แต่วันนี้ประเทศไม่มีงบประมาณ เป็นความเดือดร้อนของประชาชน อีสานบ้านตนตอนนี้วัวยังติดเชื้อ ไม่มีเงินช่วยเขาเลย ดังนั้นกู้เงินมาแล้วก็ต้องเอามาช่วยประชาชนก่อน

นายยุทธพงศ์ กล่าวถึงการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทที่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายกฯ ตอบไม่ตรงคำถาม ใช้เทคนิคถามม้า ตอบช้าง ไม่ตอบสาระสำคัญ พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายว่าเหมือนตีเช็คเปล่าให้นายกฯ 5 แสนล้าน โดยไม่มีรายละเอียดการใช้เงิน มีเนื้อหาเพียง 3 บรรทัดว่า เพื่อแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากไวรัสโควิด-19 ใช้ในการแพทย์และสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและเกษตรกร 3 แสนล้านบาท

และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่เงินกู้เก่า 1.0 ล้านล้านบาท ก็ยังเหลืออยู่ 2.9 แสนล้านบาท ดังนั้นที่ฝ่ายค้านเสนอให้ออก พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีเพื่อให้ตรวจสอบการใช้งบได้ ก็ไม่ยอมทำ ตอนนายกฯ มาถึงสภาฯ ก็ไม่ตอบคำถาม แถมมาก็ยังมาพูดข่มขู่ว่าพวกพูดข้างนอกให้ระวัง ตนถือว่าสอบตกเพราะชี้เแจงไม่ได้เลย

ส่วนที่บอกว่าไม่โง่หรอกที่จะกู้ถึง 60% ก็ไม่อธิบาย ไปพูดสำนวนโวหาร แล้วก็พูดเลยไปพูดถึง ส.ส.พปชร.ที่ไปพาใครมาแถลงข่าวแทน สรุปไม่ตอบคำถามเรื่องวัคซีนเลย ไม่ตอบว่าจะเอาเงินกู้ไปทำอะไร ที่สำคัญที่ฝ่ายค้านถามเรื่องวัคซีนแอสตร้าฯ ว่าซื้อเท่าไร กำหนดส่งมอบเมื่อไร ที่บอกจะฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา สุดท้ายก็ฉีดได้ 4.1 แสนคน ฉีดไม่ถึงวันละ 5 แสนคนตามที่ตั้งเป้าไว้

ด้านนายจิรพงษ์ กล่าวว่า คนที่มีฐานะสามารถไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ท่านทำได้ แต่ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างของประเทศกลับไม่มีสิทธิเลือกวัคซีนได้เลย คนที่ป่วยยังต้องไปนอนโรงพยาบาลสนาม สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน รัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่จำนวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลับลดลงเรื่อยๆ

จนหมอชนบทออกมาแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดความจริงว่าวัคซีนไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็เครียดเพราะกังวลเรื่องการถูกเพ่งโทษ ขณัที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ ให้ใช้งบฯจากโรงพยาบาลไปก่อน ตนจึงขอเรียกร้องให้นำเงินจากการกู้เงินนำมาจัดสรรให้บุคลากรเหล้านี้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน