“หมออ๋อง” ซัด รัฐบาลบริหารล้มเหลว หลัง “ลัมปี สกิน” ระบาดทำเสียหายหนัก จี้ เปิดเผยข้อมูลการระบาด-เร่งจัดสรรวัคซีน-เยียวยาให้เร็ว

วันที่ 17 มิ.ย.64 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ จนถึงวันที่ 15 มิ.ย. ขณะนี้มีโคกระบือป่วยเป็นลัมปี สกินประมาณ 75,000 ตัว รักษาหาย 9,000 ตัว มีสัตว์ป่วยคงเหลือ 66,000 ตัว และมีสัตว์ตาย 9,000 ตัว จากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มียอดตายสะสมเพียง 344 ตัว ถือว่ายอดตายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือในประเทศอย่างร้ายแรง

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า โรคลัมปี สกิน เป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นเฉพาะโคและกระบือ ไม่ติดต่อสู่คน แพร่กระจายเชื้อผ่านแมลงดูดเลือดและการสัมผัสโดยตรงระหว่างสัตว์ ซึ่งเมื่อลองศึกษาในเชิงลึกพบถึงความไม่ชอบมาพากลของการระบาดหลายประการ จากข้อเท็จจริงที่ว่าลัมปี สกิน ไม่ใช่โรคพื้นถิ่นของประเทศไทย แต่เป็นโรคจากต่างประเทศ จึงหมายความได้อย่างเดียวว่าจะต้องมีการนำเข้าโคกระบือหรือชิ้นส่วนของโคกระบือที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการกักกันโรคตามปกติ

อีกทั้ง ลัมปี สกิน เป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดตามระยะทางของพาหะ คือ แมลงดูดเลือด ซึ่งมีระยะการเดินทางไม่ไกลนัก แต่ในสภาพความเป็นจริงนั้นกลับเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง จึงหมายความว่ามาตรการที่รัฐบาลประกาศควบคุมการเคลื่อนย้ายโคกระบือนั้นล้มเหลว

นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า กรมปศุสัตว์ได้นำเข้าวัคซีนล็อตแรก 60,000 โดสในช่วงปลายเดือนพ.ค. ส่วนวัคซีนล็อตที่ 2 จำนวน 264,000 โดสจะมาถึงในวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งล่าช้ากว่าความต้องการจนเกษตรกรจำเป็นต้องลงมือแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปก่อน ตั้งแต่นำน้ำส้มควันไม้มาฉีดไล่แมลง ให้โคกินยาเขียวเพื่อแก้อาการอักเสบ ไปจนถึงการลักลอบนำเข้าวัคซีนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยแช่ขวดวัคซีนใส่กระติกน้ำแข็งส่งมากับรถทัวร์ ขณะที่ภาครัฐทำได้เพียงแค่บอกให้เกษตรกรอดทนรอการนำเข้าวัคซีนจากรัฐบาลเท่านั้น

การชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกรก็ยังเป็นปัญหา เพราะเกณฑ์การชดเชยในปัจจุบันยึดตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยอ้างอิงราคาตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 ซึ่งตั้งชดเชยให้เฉพาะสัตว์ที่ตายและสูญหายจากภัยพิบัติ และช่วยเหลือไม่เกินรายละ 2 ตัว ราคาต่อตัวไม่เกิน 6,000-20,000 บาท

ซึ่งหมายความว่าหากเกษตรกรซื้อยาฆ่าแมลงมาฉีด ซื้อยามารักษาวัวตามอาการจนรอดตาย หรือไปหาวัคซีนเถื่อนมาใช้ก่อนก็จะไม่ได้รับเงินเยียวยาเลย ซึ่งในกรณีเหล่านี้ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ ตอบได้เพียง “เรากำลังคิดกันอยู่” ขณะที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ก็เชิญชวนว่าถ้าเกษตรกรอยากได้เงินเยียวยามากกว่านี้ ก็ให้ไปสมัครเข้าร่วมโครงการประกันชีวิตโค” นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของลัมปี สกิน จึงเป็นภาพสะท้อนการทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ในยุคโควิด-19 ที่ทำให้มองเห็นปัญหาในระบบราชการหลายเรื่อง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด การควบคุมการแพร่ระบาดที่ล้มเหลว การนำเข้าวัคซีนที่ล่าช้า และการชดเชยเยียวยาที่ไม่สมน้ำสมเนื้อกับความเสียหายที่เกษตรกรได้รับจริง








Advertisement

ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะกรมปศุสัตว์จะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดในสัตว์ในประเทศไทยอย่างตรงไปตรงมา การปกปิดข้อมูลโดยอ้างว่าไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบกับการส่งออกเนื้อสัตว์จะยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกินรุนแรงขึ้นกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อื่น ๆ ที่จะซ้ำเติมความลำบากของเกษตรกรให้มากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ควรต้องมีการกักกันสัตว์อย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการ คือ หยุดการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกในพื้นที่ที่เกิดการระบาดทันที รวมถึงการแยกสัตว์ป่วยออกจากฝูง และกำจัดแมลงพาหะนำโรคโดยเร็ว ในส่วนของวัคซีนรัฐบาลต้องเร่งนำเข้าและกระจายวัคซีนให้เพียงพอกับจำนวนโคกระบือที่มีกว่า 7 ล้านตัวทั่วประเทศ โดยลดขั้นตอนทางเอกสารและระเบียบราชการที่ยุ่งยากซ้ำซ้อน และต้องมีการชดเชย เยียวยา และสนับสนุนเงินให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้เหมาะสมครอบคลุมกับความเสียหายที่ได้รับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน