เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง หยุด “เลือกปฏิบัติ”ต่อการใช้สิทธิคัดค้านถ่านหินเทพา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตามที่ได้มีการแผยแพร่หนังสือของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.) ในโซเชียลมีเดีย ในการแจ้งสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือในการทำข่าวประชาสัมพันธ์ กรณีที่มีประชาชนในพื้นที่อำเภอเทพาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมกลุ่มกันเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา ณ ที่ว่าการอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในขณะเดียวกันกลับมีประกาศ เจ้าพนักงานดูแลการชุมชนุมสาธารณะ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ที่ 891/2560 เรื่อง ให้เลิกการชุมนุมสาธารณะ โดยบังคับใช้แต่เฉพาะกรณีที่ชาวอำเภอเทพากลุ่มที่กำลังเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านการใช้ถ่านหินมาผลิตไฟฟ้าในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา โดยอ้างว่าเป็นการชุมชนุมโดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ทั้ง ๆ ที่การชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมจารีพประเพณีในชุมชนท้องถิ่นของตนให้พ้นไปจากภยันตรายจากถ่านหินโดยชอบ และได้รับการคุ้มครองโดยชอบตามมาตรา 25 มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบมาตรา มาตรา 6 ของพรบ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 แล้ว โดยที่แกนนำผู้ชุมนุมได้แจ้งการชุมนุมตามมาตรา 10, 12 แล้วและการชุมนุมไม่ได้ขัดต่อมาตรา 11 วรรคสอง แต่อย่างใด การมีประกาศให้เลิกการชุมนุมสาธารณะของเจ้าพนักงานดูแลการชุมชนุมสาธารณะ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยชัดแจ้ง อีกทั้งเป็นการ “เลือกปฏิบัติ” อันขัดต่อมาตรา 27 และมาตรา 76 ของรัฐธรรมนูญ 2560 อีกด้วย
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงขอเรียกร้องให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.) และเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ยุติการกระทำหรือระงับคำสั่งทางปกครองดังกล่าวที่ละเมิดรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียโดยพลัน อันจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และหากหน่วยงานทั้งสองยังมีพฤติการณ์ดังกล่าวสมาคมฯจะได้ร่วมมือกับเครือข่ายประชาสังคมและชาวบ้านในพื้นที่เพื่อนำความร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และหรือการฟ้องคดีต่อศาลปกครองต่อไป
