เพื่อชาติ ปรบมือรัวๆ ให้รัฐบาล จัดการโควิดยอดแย่ ไร้ความสามารถในการบริหาร 7 ปีเสียโอกาสของประเทศ จวกรัฐอำมหิต-ฆ่าคนทางอ้อม

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.64 น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พอสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปรากฏขึ้นเมื่อปลายปี 2562 ทั้งประเทศตาสว่างเริ่มเห็นความสามารถและวิธีคิดที่ประเมินว่าตนเองเหนือกว่าประชาชนของรัฐบาล ความผิดพลาดจากการบริหารงานไม่เคยพิจารณาตนเอง โยนความผิดให้ประชาชนและคนอื่น บริหารสถานการณ์โรคระบาดโดยเอาผลประโยชน์ส่วนตนเองเป็นที่ตั้ง เริ่มจากล็อกดาวน์ประเทศเป็นเวลายาวนาน เพื่อหลีกเลี่ยงม็อบขับไล่รัฐบาล รักษาอำนาจตนเองเป็นหลัก แต่ไม่คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจของประชาชนทั้งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์

“สร้างคนจนเพิ่มขึ้นสูงสุดในอาเซียน บริหารจัดการวัคซีนผิดพลาด วัคซีนขาดแคลน นำภาษีของประชาชนทั้งประเทศหลายหมื่นล้านไปซื้อของราคาสูงคุณภาพต่ำ มาฉีดให้ประชาชน ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนไทยต่ำ อย่างสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของมีสิทธิ์เลือกวัคซีนให้สัตว์ของตนเอง แต่ประชาชนไทยไม่มีเสรีภาพในการเลือกวัคซีน ต้องทนเป็นหนูทดลองวัคซีนให้รัฐบาลที่ไม่สามารถตัดสินใจจัดหาวัคซีนที่ประสิทธิภาพป้องกันโรคและคุณภาพอันดับต้นๆ ให้ประชาชนได้ ข้อผิดพลาดครั้งนี้เป็นความผิดที่ร้ายแรงและอำมหิตมาก เป็นการฆ่าคนไทยทางอ้อม”

น.ส.เกศปรียา กล่าวอีกว่า เมื่อกรุงเทพฯ มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนสถานพยาบาลรับไม่ไหว รัฐบาลก็ตัดสินบริหารแบบนำโครงการแพร่เชื้อเพื่อชาติ มาบริหารสถานการณ์โรคระบาด โดยปิดล็อกกรุงเทพฯ ปิดกิจการที่มีผู้ติดเชื้อสูงอย่างก่อสร้าง เพื่อให้แรงงานเดินทางกลับบ้าน จะได้ไปแพร่เชื้อที่จังหวัดที่แรงงานเดินทางกลับไป

อีกกรณีที่ทำให้สถานการณ์โรคระบาดรุนแรงขึ้นของโครงการแพร่เชื้อเพื่อชาติ คือวัคซีนขาดแคลน ทำให้ไม่สามารถส่งวัคซีนไปต่างจังหวัดที่จะมีแรงงานสุ่มเสี่ยงติดเชื้อเดินทางกลับไปได้ ความผิดพลาดในการบริหารจัดการโรคระบาดของรัฐบาลที่เห็นแก่อำนาจตนเองนี้ ส่งผลให้ไทยมียอดผู้ติดเชื้อรายวันเป็นอันดับหนึ่งของโลกในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ต้องปรบมือรัวๆ ให้กับวิธีการบริหารยอดแย่ของรัฐบาลนี้ นอกจากไร้ความสามารถในการบริหารแล้ว เวลาที่ประเทศไทยเสียไปกว่า 7 ปี ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เสียโอกาสของประเทศ ทำให้ประชาชนเห็นความจริงว่ารัฐบาลนี้ดูแคลนประชาชน มองประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือนคือคนละระดับกับพวกรัฐบาล

กฎหมายทุกอย่างที่บังคับใช้กับประชาชน รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีไม่ปฏิบัติตาม เช่น กรณีคณะรัฐมนตรีไปภูเก็ตทั้งคณะไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยที่มีกฏหมายบังคับให้ประชาชนทุกคนสวมใส่ แต่คณะรัฐมนตรีหัวเราะร่วนโดยไม่มีหน้ากากอนามัย หรือว่ากำลังหัวเราะเยาะประชาชนที่กำลังร้องไห้ด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส จากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โรคระบาดที่ไม่มีที่รับรักษา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน