ผบ.ทสส. สั่ง 3 เหล่าทัพ เร่งให้ความช่วยเหลือปชช. จัดรถโรงครัวสนามประกอบเลี้ยง พร้อมส่งระดมกำลังพลยุทโธปกรณ์ร่วมดับไฟ เหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร (ผบ.ทสส/ผบ.ศบท) สั่งการให้ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และ ศูนย์บัญชาการเหล่าทัพ ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญในการให้ความช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ

โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญ ประกอบด้วย กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพไทยส่วนหน้า ( ศบภ.ทท.สน.) โดย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติและประสานการปฏิบัติกับเหล่าทัพ พร้อมจัดกำลังและยานพาหนะ ออกเดินทางจากหน่วยในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 11.00 น. เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติงานในการอพยพประชาชนและติดตามสถานการณ์

โดยได้จัดรถดับเพลิงโฟมเคมีจำนวน 1 คัน รถดับเพลิงอเนกประสงค์จำนวน 2 คัน เข้าประจำยังพื้นที่จุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ กรมกิจการพลเรือนทหารได้จัดกำลังพล จำนวน 4 นาย เข้าประสานการปฏิบัติในพื้นที่กองบัญชาการเหตุการณ์ ณ มูลนิธิร่วมกตัญญู ถนนกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ

ในวันที่ 6 ก.ค.ทางกองบัญชาการกองทัพไทย จะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปแจกจ่ายให้กับ​ประชาชน​ที่ประสบภัย​ รวมทั้งสนับสนุน​สิ่งของ​ เครื่อง​อุปโภค​-บริโภค​ โดยดำเนินการ ที่ศูนย์​ช่วยเหลือ​ผู้ประสบภัย​ร่วมกับมูลนิธิ​ร่วม​กตัญญู​ในพื้นที่ ประกอบด้วย ข้าวสาร​ น้ำตาลทราย​ เนื้อหมู​แช่แข็ง​ ผักสดสำห​รับ​ปรุงอาหาร ขนมพายแช่แข็ง​ 1,500​ ชิ้น​ หน้ากากอนามัย​ 2,000​ ชิ้น เจลแอลกอฮอล์​ชนิดหลอด​ จำนวน 15​ ลัง และชุด​ PPE​ จำนวน 40​ ชุด

สำหรับกองทัพบกโดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ส่งกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วจากกองพลทหารราบที่ 11 ซึ่งมีที่ตั้งใกล้ที่เกิดเหตุเข้าช่วยเหลือและควบคุมสถานการณ์ร่วมกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สมุทรปราการ ในการอพยพผู้บาดเจ็บ พร้อมนำผู้ที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ในรัศมี 5 กิโลเมตร พร้อมจัดการจราจรในพื้นที่อำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางที่กำหนดไว้ พร้อมกันนี้ได้ส่งชุดปฏิบัติการกู้ภัยสารเคมีจากกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก เข้าประเมินตรวจสอบสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุ โดยล่าสุดกองทัพบก(ทบ.) ใช้เฮลิคอปเตอร์ KA-32 (ปภ.) 2 ลำ พร้อมนักบินและเจ้าหน้าที่ของกองทัพบกขึ้นบินตรวจประเมินสถานการณ์โดยรอบที่เกิดเหตุ

สำหรับในช่วงต่อไป ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้เตรียมกำลังพล 100 นาย รถบรรทุกขนาดใหญ่ 10 คัน พร้อมส่งเข้าไปเสริมการควบคุมดูแลพื้นที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ได้เตรียมการสนับสนุนสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิง อากาศยานและหน้ากากป้องกันไอพิษ สำหรับใช้ในการเตรียมอพยพประชาชนหากมีความจำเป็นตามการร้องขอจากกองอำนวยการควบคุมเหตุการณ์และจะติดตามสถานการณ์พร้อมเข้าปฏิบัติการดูแลพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ส่วนกองทัพเรือ (ทร.) โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ โดย หน่วยบรรเทาสาธารณภัย โรงเรียนนายเรือ จัดชุดเตรียมพร้อม และศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ได้ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดและพร้อมให้การสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ ได้แก่ เตรียมรถดับเพลิง จำนวน 1 คัน รถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน รถพยาบาล จำนวน 1 คัน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน จำนวน 10 นาย

ในส่วนของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดชุด USAR Team เตรียมความพร้อมสนับสนุน โดยสามารถเข้าพื้นที่ได้ทันทีเมื่อได้รับการประสาo และกองทัพอากาศ (ทอ.)โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ เตรียมโฟมชนิด ARAFFF 3 % ผสมน้ำ จำนวน 70 ถัง รวม 1,330 ลิตร โดยสามารถเข้าพื้นที่ได้ทันทีเมื่อได้รับการประสาน

ทั้งนี้ กองทัพไทยขอความร่วมมือประชาชนไม่เดินทางออกนอกอาคารบ้านพักโดยไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสูดดมสารพิษ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนโปรดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยกองทัพไทบจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในทุกมิติ และพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์ตลอดไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน