‘จาตุรนต์ ฉายแสง’ ชี้ แผน วัคซีน ล่มแล้ว แย้ม “วิกฤตใหญ่” จากโควิด กำลังมา! รัฐบาลอย่านิ่งเฉย ลั่น กลับจากสมุย รีบมาวางแผนได้แล้ว นายกรัฐมนตรี
วันที่ 16 ก.ค.64 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang วิพากษ์วิจารณ์แผนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้ แผนวัคซีนล่มแล้ว วิกฤตใหญ่กำลังจะมา รัฐบาลจะนิ่งเฉยไม่ได้
รัฐบาลอนุมัติซื้อวัคซีนครั้งล่าสุดเป็นเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ตามแผนลักไก่ประกาศมาทีละขั้นๆ รัฐบาลจะใช้วัคซีนซิโนแวคประมาณ 40 ล้านโดส ซึ่งหมายความว่ายังจะให้อีกกว่า 30 ล้านโดส แต่วงการแพทย์ก็พบว่าซิโนแวค ทำให้เกิดภูมิต้านทานไวรัสชนิดสายพันธุ์ต่างๆ ได้ไม่ดี ล่าสุดประชาชนก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้กันแล้ว เท่ากับเราอาจไม่สามารถใช้วัคซีนซิโนแวค 30 กว่าล้านโดสนี้ตามแผนได้แล้ว
ล่าสุดที่ รมช.สาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่าแอสตร้าเซนเนก้าขยายเวลาส่งมอบเป็นพ.ค.65 .. นี่เรื่องใหญ่มาก ที่น่าแปลกประหลาดมาก
“ข้อแรก” คือ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมให้รัฐมนตรีช่วยฯ มาชี้แจง แทนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ หรือนายกรัฐมนตรี
“ข้อที่สอง” รมช.สาธารณสุขบอกว่า ที่ทำสัญญากันไว้ไม่ได้กำหนดเวลาส่งมอบ ซึ่งก็แปลกประหลาดอีก และที่ขยายเวลาไปจนถึง พ.ค.65 ก็ไม่มี timeline ว่าจะส่งมอบเดือนไหนและจำนวนเท่าไหร่ คำนวณคร่าวๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าในปีนี้ แอสตร้าเซนเนก้า คงส่งมอบวัคซีนได้ประมาณครึ่งหนึ่งหรือ 30 ล้านโดส จนถึงป่านนี้ยังไม่มีใครในรัฐบาลออกมาบอกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง?
มีคนเสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมาย ห้ามส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศจนกว่าจะส่งมอบให้ไทยได้ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ และไม่ทราบว่าถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะสามารถผลิตวัคซีนตามแผนที่ขยายเวลาออกไปได้หรือไม่ด้วย บางคนก็เสนอให้ฟ้องแอสตร้าเซนเนก้า
แต่เมื่อไม่ได้กำหนดในสัญญาว่าจะต้องส่งมอบภายในเมื่อไหร่ ก็ไม่ทราบจะฟ้องว่ายังไง หากฟ้องได้ก็ไม่ทราบว่าฟ้องแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แอสตร้าเซนเนก้าก็คงไปไล่เบี้ยเอากับ สยามไบโอไซเอนซ์ ถ้าจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้รัฐบาลไทยก็คงต้องไปบังคับให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จ่ายเงินให้รัฐบาล แล้วถ้าสยามไบโอไซเอนซ์ไม่มีเงิน จะมีอยู่ 600 ล้านบาทก็เป็นเงินที่รัฐบาลให้ไป กลายเป็นสยามไบโอไซเอนซ์ตกเป็นตัวประกันของเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ทางออกในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นรัฐบาลจะหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดได้อย่างไรมากกว่า เมื่อรวมวัคซีนซิโนแวค 30 กว่าล้านโดสที่มีปัญหา กับแอสตร้าเซนเนก้าที่ถูกเลื่อนออกไปอีกประมาณ 30 ล้านโดส หมายความว่าในปี 64 นี้เราจะขาดวัคซีนไปประมาณ 60 ล้านโดส ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก เท่ากับแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลล่มแล้ว ถ้าไม่รีบแก้ไข ไม่ว่าการจะฉีดให้ประชาชน 70% หรือแม้แต่ 50% ในปีนี้หรือต้นปีหน้า ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบทำด่วนที่สุดก็คือการหาวัคซีน 60 ล้านโดสมาแทนวัคซีนที่ขาดไป และถ้ายังไม่พอที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและเปิดประเทศได้ ก็อาจต้องหาวัคซีนมาให้มากกว่านั้นด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1.เจรจากับแอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ว่าจะช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง
2.เข้าร่วมโครงการ COVAX เพื่อขอความร่วมมือช่วยหลือในการหาวัคซีนโดยอาจเริ่มจากการขอแลกวัคซีนอื่นกับซิโนแวค 30 ล้านโดสซึ่งสามารถใช้ในประเทศที่ไม่มีสายพันธุ์แรงๆ หรือรัฐบาลไทยอาจจะบริจาควัคซีนนี้ให้ประเทศยากจนไป แล้วขอให้ COVAX ช่วยหาช่องทางในการซื้อวัคซีนอื่นให้
3.รัฐบาลลงมือประสานติดต่อกับประเทศต่างๆ ที่มีวัคซีนคุณภาพ โดยใช้ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีต่อกัน ทั้งระหว่างรัฐต่อรัฐ รัฐกับเอกชนและเอกชนกับเอกชน รวมทั้งช่องทางทางธุรกิจเพื่อซื้อวัคซีนคุณภาพมาให้ได้มากที่สุดเร็วที่สุด วิธีนี้น่าจะได้วัคซีนมากกว่าที่ภาคเอกชนไทยทำอยู่อีกมาก
4.สั่งให้ อย.เป็นฝ่ายริเริ่มทำงานเชิงรุก รับรองวัคซีนคุณภาพยี่ห้อต่างๆ ให้มากขึ้นโดยเร็ว และรัฐบาลสนับสนุนให้ภาคเอกชนและหน่วยงานของรัฐนำเข้าวัคซีนคุณภาพเข้ามาได้ โดยไม่จำกัดว่าจะซ้ำกับที่รัฐบาลนำเข้าหรือไม่ สั่งให้หน่วยงานของรัฐหยุดทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางภาคเอกชนและหันมาสนับสนุนให้บริการภาคเอกชนและประชาชน
สถานการณ์มาถึงขั้นนี้ เข้าขั้นวิกฤตสุดๆ แล้ว ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร ประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศเดียวที่ไม่ถึงกับยากจน แต่กลับจะรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยไม่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนส่วนใหญ่ไปอีกเป็นปี ซึ่งจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแน่นอน
กลับจากสมุย รีบมาวางแผนได้แล้ว นายกรัฐมนตรี