เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.รับทราบแนวทางการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือ Digital ID ด้วยการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล (Face Verification Service) และอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย(มท.)ดำเนินการพัฒนาและจัดให้มีระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัลและดำเนินการให้บริการกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัลที่กระทรวงมหาดไทยพัฒนา มีความมั่นคงปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ สอดคล้องตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

พร้อมทั้งให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและจัดทำระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล โดยครอบคลุมการพัฒนาและติดตั้งซอฟแวร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) การจัดหาอุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสำหรับการให้บริการและการทดสอบประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยของระบบ

ตลอดจนการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐาน และข้อตกลงการให้บริการของระบบ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นสำหรับการบริหารงานและการให้บริการ และให้กระทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital Infrastructure) ในส่วนของการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลให้ครม.ทราบเป็นระยะ

สำหรับการพัฒนาและจัดให้มีระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของประเทศ ในส่วนของการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสนับสนุนบริการภาครัฐ สำหรับประชาชนและธุรกิจในการเข้าถึงบริการภาครัฐในรูปแบบของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จโดยระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ซึ่งรวมถึงระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัลจะสามารถนำมาทดแทนกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางกายภาพ โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางไปพิสูจน์ตัวตนยังที่ทำการหรือสาขาของหน่วยงานที่ต้องการทำธุรกรรมทุกครั้งได้

ส่วนระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัลที่กระทรวงมหาดไทยจะพัฒนาขึ้น เป็นระบบที่จะใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้รับบริการระบบหนึ่ง โดยมีกลไกการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีในการระบุตัวบุคคลด้วยการเปรียบเทียบภาพใบหน้าที่ผู้รับบริการถ่ายส่งเข้าระบบกับฐานข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความแม่นยำตามเกณฑ์มาตรฐานสากล และแจ้งผลในรูปแบบร้อยละของความถูกต้องของภาพถ่ายกับฐานข้อมูลภาพใบหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน