‘บิ๊กตู่’ ถกตัวแทน รพ.เอกชน ลั่นชีวิตคนไทยต้องได้รับการดูแล หยอดหวานรักทุกคน เผยปัญหาต้องเพิ่มเตียงเหลือง -แดง ห้องความดันลบ “เน้น” ทำงานทั้งเชิงรุก

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ก.ค.64 ที่ (ร.1 ทม.รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อ โควิด-19 และการเตรียมความพร้อมของหอผู้ป่วยเฉพาะกิจหรือ Hospitel และโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 21 แห่ง ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น Zoom จากบ้านพัก ภายในกรมทราบราบ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หรือ (ร.1 ทม.รอ.) ซึ่งเป็นอีกวันที่นายกรัฐมนตรีเวิร์คฟอร์มโฮม(wfh)

โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขา สมช.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและทีมแพทย์สาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกับ ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน

โดยที่ประชุม รับทราบรายงานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุขอนุมัติ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือ Hospital ของโรงพยาบาลเอกชน ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีจำนวน 117 แห่ง และพบว่า ใน 21 โรงพยาบาลเอกชน มีการครองเตียง ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี 1,300 เตียง โรงพยาบาลสนาม 600 เตียง

โรงพยาบาลวิภาราม มีจำนวนเตียง 600 เตียง / โรงพยาบาลวิชัยเวท 1,500 เตียง / โรงพยาบาลกรุงเทพ 71 เตียง โรงพยาบาลปิยะเวท 3,000 เตียง โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย 2,200 เตียง /โรงพยาบาลลาพร้าว700 เตียง ทั้งหมดดังกล่าว ใช้งานร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว

ส่วนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ มีจำนวนเตียง 11,141 เตียง ใช้งาน 9,221 เตียง เหลือ 1,920 เตียง ในส่วนโรงพยาบาลสนาม 508 เตียง ใช้งานร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ยังเหลือเตียงโรงพยาบาลสนามอีก 15 เตียง และเหลืออีก 10เตียงในโรงพยายาบาล และโรงพยาบาลจุฬารัตน์พร้อมในเครือ คงเหลือ 400เตียง ที่จะรองรับผู้ป่วยโควิด 19

โรงพยาบาลเอกชนเสนอ แนวทางแก้ปัญหา

ทั้งนี้ ในที่ประชุม เจ้าของและตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนได้นำเสนอปัญหา และแนวทาง การรับผู้ป่วย การรักษา และการลดการติดเชื้อ ซึ่งต่างยอมรับว่า ต้องเพิ่มเตียงสีเหลือง-แดง ห้องความดันลบ และต่างนำเสนอปัญหาที่คล้ายกันคือ capacity การรองรับผู้ป่วย

นอกจากนี้ที่ประชุมมีข้อกังวลว่าแม้จะขยายเตียงมากเท่าไหร่ แต่จะรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอหรือไม่ หากการควบคุมการระบาดยังไม่เป็นผล โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีน ที่เป็นหัวใจสำคัญ

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเร่งรัดสนับสนุนการนำเข้า จัดหาวัคซีนทั้งของรัฐและเอกชน โดยวัคซีนหลักของรัฐบาลคือ ซิโนแวค แอสตร็าเซฯเนกา ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และกำลังดำเนินการด้านเอกสารของ สปุตนิก วี

ส่วนวัคซีนทางเลือกที่ เอกชน ซื้อผ่านราชวิทยาลัย เช่น Sinofarm ที่มีเข้ามาแล้ว โมเดอร์นา ที่จะเข้ามาไตรมาส 4 ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับบริษัทต้นทาง แต่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่

‘ตู่’ ลั่นพร้อมดูแลชีวิตคนไทย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายโดยยืนยันว่า ชีวิตประชาชนคนไทย ต้องได้รับการดูแล ส่วนข้อกฏหมายที่ติดขัดจะแก้ไข และมีให้แพทย์การบริหารจัดการโรคทำงานได้ รวมทั้งชุด Antigen test Kit (ATK) ที่จะมีการแจกจ่ายไปตรวจ และเมื่อตรวจแล้วจะดำเนินการต่ออย่างไรต้องให้ชัดเจน นอกจากนี้ขอร่วมมือกันและพูดคุยกัน เพื่อไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน ทุกภาคส่วนต้องทำงานในเชิงรุก และเชิงรับ เชิงรุกเช่น การขยายเตียง เชิงรับ เช่น การตรวจสอบคัดกรอง ต้องมีการบูรณาการงานร่วมกัน

“สำหรับวัคซีนทางเลือกของเอกชน พร้อมจะเร่ง และสนับสนุนให้มีการนำเข้า รวมทั้งชุด ATK ที่จะมีการแจกจ่ายไปตรวจ แต่ตรวจแล้วจะดำเนินการต่ออย่างไร ต้องให้ชัดเจน และขอย้ำว่าวัคซีนที่มีอยู่จะทำการแจกจ่ายให้ทั่วถึงตามสัดส่วนประชากรและการระบาดของโรค ขอร่วมมือกัน พูดคุยกัน เพื่อไม่สร้างความสับสนให้ประชาชน ผมรักทุกคนนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน