พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ อดีตแกนนำ นปช. ซัด “แรมโบ้-สิระ” ลดความหิวแสง เลิกหลับหูหลับตาเชลียร์ จี้ถามม็อบพังป้าย สตช. โหดร้ายกว่าคาร์ม็อบ แย้มแฉ “เสกสกล”

วันนี้ (3 ส.ค.) นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ อดีตแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่บุคคลในฝ่ายรัฐบาล นำโดยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. , นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาโจมตีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ภายหลังร่วมกิจกรรมการชุมนุมคาร์ม็อบของประชาชนจำนวนมากที่ออกมาขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า

ตนยอมรับในการแสดงความคิดเห็นต่างของทุกคน แต่ในการแสดงความเห็นต่างนั้นต้องไม่หลับหูหลับตาพูด เพราะหิวแสง เช่นในกรณี นายสิระ อ้างว่า การกระทำของนายณัฐวุฒิในการร่วมชุมนุมและมีการยั่วยุตำรวจเพื่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย จะต้องลากคอเข้าคุกให้ได้นั้นอยากให้นายสิระ ใจเย็น ตั้งสติ อย่าหลับหูหลับตาพูด

นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่า ประเด็นแรกแกนนำการชุมนุมประกาศยุติการชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.39 น. ต่างคนต่างแยกย้ายกลับ การที่มีผู้ชุมนุมบางกลุ่มชุมนุมต่อ ซึ่งต่อมาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับผู้ชุมนุมและใช้กำลังสลายการชุมนุม ก็ปล่อยให้ทุกอย่างว่าไปตามเหตุและผล ใครผิดถูกมันมีขั้นตอนการพิจารณาอยู่ นายสิระ เป็นประธาน กมธ. ซึ่งเกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายและการยุติธรรม ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยหรือ

เรื่องว่าม็อบป่าเถื่อนนั้น คิดว่ายังมีม็อบที่ป่าเถื่อนกว่านี้มาก ทั้งกระทืบ รปภ. แล้วจับไปโยนน้ำ ทุบตีคนขับรถส่งของ ทุบกระทืบตำรวจ ย่ำยีตำรวจโดยการถีบพังป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไล่ทุบไล่ฆ่าคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้นายสิระคิดว่าป่าเถื่อนไหม และต้องถามนายสิระ ตรงๆ ว่ารู้เห็นกับม็อบนั้นไหม หรือเป็นเรื่องที่ชอบ เพราะเป็นที่มาที่ทำให้นายสิระเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติได้ ถ้าเช่นนั้นในนามประชาชนขอแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องสภาอันทรงเกียรตินี้ได้ไหมว่า คนที่เคยโดนคดีอาญา ฉ้อโกง สมควรมีเกียรติในสภานี้หรือไม่” อดีตแกนนำ นปช. กล่าว

นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับนายณัฐวุฒินั้นเหตุที่ติดคุกก็เนื่องมาจากคดีการต่อสู้ทางการเมือง คดีลักษณะนี้เมื่อมีวาระ ก็สามารถทำเรื่องขออภัยโทษกันได้ แต่คดีฉ้อโกงจะไม่มีการอภัยโทษ อีกเรื่องหนึ่ง คือ การกล่าวหาเรื่องคดีเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้เกิดจากคนเสื้อแดง คดีก่อการร้ายศาลชั้นต้นก็ยกฟ้องแล้ว วิบากกรรมของพวกเราเหลือน้อยแล้ว เพราะได้รับผลกันไปบ้างแล้ว แต่ระวังวิบากกรรมของพวกคุณที่กำลังตามมาซึ่งจะถึงเร็วๆ นี้

โดยเฉพาะบางคนที่มีคดีเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส. อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไปโดนคดีฉ้อโกงแล้วขาดจากสมาชิกภาพ อาจได้มีโอกาสคลานเข้าคุก ก่อนนายณัฐวุฒิก็ได้ แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะผมในฐานะที่เคยติดคุกมาก่อน มีเพื่อนๆ นักโทษที่รู้จักกันยังอยู่ครบทุกแดน จะฝากดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ “สุดท้ายสำหรับนายสิระ ที่ท้าว่าอยากเจอเต้น ผมว่าเอาแค่พี่เต้ คุณก็หนีจุกตูดแล้ว รบกวนฝากพี่เต้ ตอบแทนเต้นด้วยนะครับ” อดีตแกนนำ นปช.กล่าว

นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับ นายเสกสกล คงไม่มีอะไรมาก เอาสั้นๆ ว่าสรุปคุณจะหยุดหรือเดินต่อ ถ้าเดินต่อ มีเรื่องรถตู้สวนสัตว์ เรื่องวิกปลอมตัว และอื่นๆ ซึ่งผมก็พร้อมได้เดินต่อเช่นกัน นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน เราไม่น่าเอาเวลามานั่งทะเลาะกันเรื่องนี้ ในเรื่องนายกฯ พวกคุณก็น่าจะรับสภาพและเปิดใจเป็นกลางได้แล้วว่ามันไปไม่รอดจริงๆ แม้นน้องๆ จุฬาฯ ที่เป็นเพื่อนเรียนหนังสือกับลูกนายกฯ ยังลงชื่อร่วมกันเขียนจดหมายถึงเพื่อน เพื่อขอให้บอกพ่อให้ลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่เป็นนายกฯ มาเกิดเหตุอะไรบ้าง พวกคุณลองไปอ่าน แล้วเปิดใจเปิดตาให้เห็นประชาชน อย่าหลับหูหลับตาพูดเพื่อเชลียร์ เพียงอย่างเดียว

“สุดท้าย อย่าท้าผมนะ ถ้าท้าผมไป ที่ณัฐวุฒิเขาเฉยเพราะเขาคงขี้คร้านแยแส เพราะเห็นว่ามวยคนละชั้นกับพวกอยากดัง แต่สำหรับผม คิดว่ากับคุณสิระคงห่างชั้นกันไม่มาก แต่บอกล่วงหน้า 1วันนะครับ เพราะผมจะได้งดลงพื้นที่สัก 1 วัน ช่วงนี้ต้องช่วยชาวบ้านเรื่องหาเตียง แจกข้าวแจกน้ำ มอบถุงยังชีพ แอลกอฮอล์ แมสก์ ให้ชาวบ้าน ที่ต้องแย่กันหมด ตายกันเยอะ ติดเชื้อกันเพียบเพราะการบริหารแบบห่วยๆ ของรัฐบาลนี้ และอีกอย่างผมจะได้ชวน เก่ง การุณ กับ พี่เต้ พระราม 7 ไปด้วย ไปคนเดียวผมกลัว เพราะได้ข่าวว่าท่านดุมาก” อดีตแกนนำ นปช. กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 ในช่วงเวลาสลายการชุมนุมแยกราชประสงค์ สำนักข่าวหลายสำนักในเวลานั้น รายงานตรงกันว่า ในวันดังกล่าว ช่วงเวลา 18.30 น. มีเหตุการณ์ชุลมุนบริเวณเวที มีการโยนระเบิดควันจากที่สูงตกลงมากลางที่ชุมนุม พร้อมกับเสียงคล้ายปืน ในขณะที่นายจตุพรปราศรัยบนเวที จนทำให้แกนนำหลายคน ต้องหลบไปอยู่ใต้เวที รวมถึงนายจตุพร เนื่องจากว่าเกรงจะได้รับอันตราย หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มสงบลง แกนนำ นปช.บางคน ต่างหลบออกจากที่หลบภัยตามที่ต่างๆ โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง พร้อมด้วยการ์ดส่วนตัวจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางกลับมาหลังเวที ทั้งนี้ ยังมีรายงานอีกว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ (ชื่อในขณะนั้น) ได้นำวิกผมใส่ และ สวมหมวกทับ เพื่ออำพรางตัวก่อนหนีออกจากบริเวณเวทีการชุมนุม ในวันเดียวกันอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน