กลุ่มธรรมาภิบาล แจ้งความหมอเหรียญทอง โพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นศาล-ผู้พิพากษา เผยใช้ถ้อยคำรุนแรง แนบหลักฐานโพสต์ด้วย ยันบ้านเมืองต้องมีหลัก มีเกณฑ์

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ส.ค.64 นายสรชัช ทองเพ็ญ เลขาธิการกลุ่มธรรมภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิง จุฑามาศ เกื้อสกุล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ,พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เหรียญทอง แน่นหนา

กรณีหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในลักษณะด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูถูกเหยียดหยาม ใส่ร้าย และวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาในเชิงลบ ซึ่งมีผู้ได้เข้าอ่านและแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กจำนวนหน้า และเข้าใจว่าเป็นการกล่าวถึง การทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีว่าไม่ยุติธรรม ทำให้ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อีกทั้งอาจเข้าข่าย ผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีเอกสารเฟซบุ๊ก รูปภาพ มาเป็นหลักฐาน

นายสรชัช เปิดเผยว่า การที่ได้เห็นเฟซบุ๊กคนที่ใช้ชื่อเหรียญทอง แน่นหนา ด้วยการโพสต์ถ้อยคำหยาบคาย กล่าวถึงศาล ผู้พิพากษา ใช้ดุลพินิจไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ใช้คำหยาบคาย เช่นคำว่าควาย ไม่มีสระอา และกล่าวข่มขู่

เราเห็นว่าการที่ผู้พิพากษาให้การประกันตัวสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาในกรณีที่เป็นแกนนำสำหรับผู้ชุมนุมนั้น ทำหน้าที่ฝ่ายตุลาการก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการตรวจ สอบถ่วงดุลของกระบวนการที่เป็นหลักของบ้านเมือง

ดังนั้นการการบริหารก็ดี ด้านนิติบัญญัติก็ดี ด้านตุลาการก็ดี ซึ่งผู้พิพากษาถือว่าเป็นหลักของบ้านของเมือง และการใช้ถ้อยคำ ท่าทีท่วงทำนองของท่านที่ใช้ชื่อว่าเหรียญทอง แน่นหนา มีลักษณะเข้ากฎหมายอาญา การตัดสิน คำสั่งของผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ในนามพระปรมาภิไธย

เรามีความห่วงใยว่า การที่ไปให้ความเห็นในการดูหมิ่น เหยียดหยาม ทำให้เกลียดชัง ของผู้ใช้เฟซบุ๊กว่าเหรียญทอง แน่นหนา จะเข้าข่าย 112 ด้วยหรือไม่ และผู้ใช้เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนานั้น มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก การใช้ท่าทีท่วงทำนองแบบนั้น ไม่เป็นผลดีต่อสังคมส่วนรวม แทนที่บ้านเมืองจะมีความเป็นปึกแผ่น เคารพกฎเกณฑ์ สถาบันที่เป็นหลักในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

และในการปกครองนั้นประกอบด้วย การบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ จึงมีความสำคัญที่บ้านเมืองในสถานการณ์อย่างนี้จะเป็นความระส่ำระสาย เรามองว่าในการทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีของผู้พิพากษานั้น มีความเป็นอิสระ ดังนั้นเพื่อให้ปราศจากการข่มขู่ คุกคาม และการหมิ่นเหม่ ที่จะทำให้ขบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ เราจำเป็นที่จะมาร้องทุกข์ กล่าวโทษ เพื่อใช้สิทธิตามกระบวนการกฎหมาย

“ทั้งนี้กลุ่มธรรมภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ซึ่งเราทำหน้าที่ภาคประชาชน ทั้งในการตรวจสอบคอรัปชั่น และด้านต่างๆ ที่เป็นประเด็นของสังคมและการให้เครือข่ายออนไลน์นี้ มีผลไปทั่วราชอาณาจักร ซึ่งผมมาทำงานที่ จ.อุดรธานี ก็ได้เห็นผ่านทางโซเชียล อยู่ในเขตอำนาจสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ

ส่วนกลุ่มอื่นเราไม่ทราบ ในฐานะที่เราทำหน้าที่ภาคประชาชน ตรวจสอบไม่ว่าส่วนของประชาชนด้วยกัน ส่วนของภาครัฐก็ดี ซึ่ง พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา มีลักษณะผู้นำทางสังคมระดับหนึ่ง ท่าทีท่วงทำนองของท่าน จึงมีผลต่อทัศนะ หรือความเห็นของสังคมด้วย ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้นำของสังคมต้องมีท่าทีท่วงทำนอง สุขุมคำภีรภาพ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม

เราไม่ได้สนับสนุนกลุ่มที่ไล่นายก เราถือว่าบ้านเมืองต้องมีหลัก มีเกณฑ์ ถ้าเราถือบทบัญญัติของกฎหมายเป็นหลัก ในด้านบุคคลไม่ว่าใครก็ตามไม่มีข้อยกเว้น ถ้ามีพฤติการณ์ผิดต่อกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นว่ากลุ่มใด เราถือว่ากลุ่มธรรมาภิบาลมาทำหน้าที่เป็นหลักให้กับสังคม ไม่ได้มีความเองเอียง หรือมีอคติต่อท่านพลตรีเหรียญทอง หรือว่านิยมชมชอบฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด ส่วนกลุ่มที่จาบจ้างและละเมิดสถาบัน ตรงนั้นถือว่าเป็นเรื่องอาญาแผ่นดิน ใครก็สามารถที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีได้อยู่แล้ว ด้วยกระบวนการของกฎหมาย เราใช้”

“กระบวนการยุติธรรม ผมอยู่ที่อุดรธานี ผมก็มาใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางกฎหมาย”ฝากถึงคุณหมอเหรียญทอง ท่านที่บอกว่าปกป้องสถาบัน มีเจตนารมณ์ที่ดี ท่าทีทำนองต้องสุขุม เพราะว่าทัศนะที่นำเสนอต่อสาธารณชนนั้น หมอเหรียญทองจะมีอิทธิพลต่อทัศนะความคิดของสังคม ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้นำของสังคมระดับหนึ่งนั้น จะต้องมีความสุขุมคำภีรภาพ แทนที่จะปกป้องสถาบัน กลับจะเป็นเงื่อนไขของการทำลายสถาบัน และสร้างความแตกสามัคคี ของคนในชาติเสียเอง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน