ผบช.น. นำสื่อชมทดสอบ การยิงแก๊สน้ำตา ยันไม่อันตรายถึงชีวิต ด้านรองผกก.1 บก.อคฝ. ปัดออกความเห็น ยิงกดจากบนทางด่วน อ้างคนละหน่วยกัน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 ที่สนามบุญยะจินดา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน บก.อคฝ. ร่วมกันทดสอบและสาธิตการยิงแก๊สน้ำตาที่ใช้ควบคุมฝูงชนในสถานการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การสาธิตยิงแก๊สน้ำตาวันนี้ เพื่อให้เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เราได้ใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่ได้รับอนุมัติตามมติ ครม. ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ถึงแก่ชีวิต โดยวันนี้จะให้ดูกระสุนแก๊สที่ใช้ในปัจจุบันว่าลักษณะก่อนและหลังยิงเป็นอย่างไร และลักษณะกระสุนแก๊สแบบยิง ยืนยันว่าแก๊สน้ำตาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

ซึ่งตำรวจคิดว่าหากไม่ทำอะไร จะมีความรุนแรงกว่านี้ กรณีที่ถกเถียงกันว่าผู้ที่ถูกยิงอยู่ในระยะไม่ต่ำกว่า 100 เมตร เราก็จะจำลองดูว่าลักษณะการยิงจริง ๆ ว่ายิงอย่างไร เพราะการยิงแก๊สบางครั้งมีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุมนุมและทิศทางลมในขณะนั้น เรามีความจำเป็นต้องยิงไปตามสถานการณ์นั้น ๆ ทั้งนี้แก๊สน้ำตาจะใช้ยิงในระยะไกล ส่วนระยะใกล้จะใช้การขว้าง ส่วนกระสุนยางยิงในระยะ 15 เมตร

จากนั้น พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผกก.1 บก.อคฝ. ได้ทำการสาธิตวิธียิงแก๊สน้ำตา ICL-830 cartridge with tear gas projectile ขนาด 38 มม. แบบวิถีโค้ง เพื่อควบคุมฝูงชน จำนวน 3 นัด โดยกำหนดจุดตกบริเวณริมสนามฟุตบอล ห่างจากจุดยิงประมาณ 200 เมตร ผลการสาธิตกระสุนแก๊สน้ำตา ตกใกล้เคียงเป้าหมาย เนื่องจากมีผลกระทบจากกระแสลม

พ.ต.ท.ศรายุทธ​ ได้อธิบายว่า การยิงแก๊สน้ำตามีระยะยิงอยู่ที่ 50 เมตร 100 เมตร และ150 เมตร ในแต่ละครั้งจะมีการคาดคะเนจุดตก เพื่อให้กระแสลมพัดนำควันเข้าไปยังจุดที่เป็นเป้าหมาย ยืนยันว่าไม่มีการเล็งใส่ตัวบุคคล และในการยิงแต่ละครั้งต้องคิดคำนวณให้ดี เพราะแต่ละนัดมีราคากว่า 3,000 บาท และมาจากภาษีของประชาชน

ส่วนปืนที่ใช้ก็เป็นปืนสำหรับยิงแก๊สน้ำตาเท่านั้น บรรจุได้ครั้งละ 1 นัด เมื่อยิงแล้วปลอกกระสุนแก๊สน้ำตาซึ่งทำจากโลหะจะยังคงค้างอยู่ในลำกล้องของปืน ส่วนที่ออกไปเป็นวัสดุทำจากพลาสติก ที่ภายในบรรจุวัสดุหรือสารที่ทำให้เกิดควัน เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และแสบตา เมื่อเผาไหม้หมดแล้วควันก็จะหมดไป ส่วนปืนนั้นหากจะบรรจุนัดใหม่ก็ต้องหักลำกล้อง เพื่อบรรจุกระสุนนัดต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการสาธิตเห็นยิงเป็นวิถีโค้ง แต่ภาพที่ปรากฎเวลามีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับมวลชน เจ้าหน้าที่จะขึ้นไปอยู่บริเวณจุดสูงเช่นบนทางด่วน โดยลักษณะจะยิงกดลงมาด้านล่างนั้น ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไร

พ.ต.ท.ศรายุทธ ชี้แจงว่า ในหน่วยของตนก่อนจะออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง จะมีการสั่งกำชับการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่ฝึกเสมอ ส่วนภาพเหตุการณ์การยิงลักษณะจากบนที่สูง หากเป็นหน่วยอื่นตนไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ แต่ถ้าพบในหน่วยของตน จะมีการทบทวนและเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามหลักที่ฝึกมาทุกครั้ง เพราะตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่มีหน้าที่ควบคุมให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบ

ด้านพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีโซเชียลมีเดียแชร์ข้อมูล คฝ. ร้องเรียนไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงค่าปฏิบัติงาน ว่าการดูแลเรื่องอาหารประจำวัน เราโอนให้ทาง บช.น. ตรงนี้ไม่มีข้อขัดข้องอะไร ส่วนเบี้ยเลี้ยงรายวัน จะมี 2 แนวทาง คือ1)ทางหน่วยมีเงินสำรองจะแจกจ่ายให้ติดตัวมาขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 200 บาทต่อวัน

และ 2)การโอนเข้าบัญชีภายในไม่เกิน 5 วัน ไม่ใช่การเสร็จงานแล้วจ่ายทันที ยืนยันว่าเงินไม่ได้ตกหล่นหายไปไหน ดังนั้นอาจมีบางท่านเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่าทำไมกลับไปแล้วไม่ได้ ก็อยากให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ไปทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาถึงระบบการจัดสรรค่าตอบแทนหากมีหลักฐานว่าหน่วยใดทุจริต ทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน