รัฐสภาถกยาว 5 ชั่วโมง เห็นชอบระบบเลือกตั้ง ส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พิธา ลั่นก้าวไกลพร้อมสู้ทุกกติกา

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 25 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อจากที่ค้างไว้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. โดยพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 83 และมาตรา 91 วาระที่ 2 ฉบับใหม่ที่กมธ.ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม

โดยในมาตรา 3 ที่ระบุกมธ.แก้ไขยกเลิกมาตรา 83 เรื่องจำนวนส.ส.จากเดิม 500 คน แบ่งเป็นส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน แก้ไขเป็นส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนนั้น ปรากฏว่า ส.ส.ก้าวไกลและส.ส.พรรคเล็กอภิปรายท้วงติงเป็นส่วนใหญ่

อาทิ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย โดยให้คงส.ส.เขต 350 คนและส.ส.บัญชีรายชื่อ 350 คนตามเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ซื้อเสียงง่ายขึ้น เพราะระบบส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน สร้างปัญหาให้ประเทศมาตลอด เป็นระบบพรรคใหญ่กินรวบ เป็นเผด็จการสภา เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ไม่สะท้อนคะแนนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า น่าเสียดายที่การแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถเปิดทางให้มี ส.ส.ร.เข้ามาทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ พรรคกก้าวไกลเห็นด้วยว่าต้องมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการตั้งแต่เริ่มต้น และสนับสนุนให้คงสัดส่วนส.ส.เขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คน เพื่อส่งเสริมการทำงานของผู้แทนราษฎรในเชิงนโยบาย

นอกจากนี้เรายังสามารถปรับปรุงระบบเลือกตั้ง 2 ใบในอดีตให้ดีขึ้นไปอีก โดยใช้วิธีคำนวณ ส.ส.แต่ละพรรคอย่างเป็นธรรม สะท้อนความต้องการของประชาชนให้มากขึ้น และทุกคะแนนเสียงต้องถูกคำนวณอย่างมีความหมาย

นายพิธา กล่าวว่า หากระบบเลือกตั้งสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง อำนาจของประชาชน สามารถปรากฏกายในรัฐสภาแห่งนี้ เข้าไปใช้ในอำนาจนิติบัญญัติ และใช้อำนาจบริหารจัดตั้งรัฐบาล เมื่อนั้น เสียงของประชาชนจะไม่มีวันอนุญาตให้ระบบที่กดหัวประชาชนอยู่ได้อีกต่อไป

พวกตนพร้อมต่อสู้ผ่านสนามการเลือกตั้ง ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะออกแบบระบบเลือกตั้งให้ตัวเองได้ประโยชน์อย่างไร เพราะมั่นใจว่าเสียงของประชาชนส่วนใหญ่จะมีอำนาจมากที่สุด มีพลังและชอบธรรมมากที่สุด พวกท่านไม่มีทางเหนี่ยวรั้งความเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว พวกตนจะนำเสียงของผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศนี้อย่างแท้จริง มาปรากฏในสภาแห่งนี้ให้จงได้

จากนั้นนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกมธ. ชี้แจงว่า ยืนยันว่าระบบการเลือกตั้งที่เสนอ เป็นระบบที่ดีไม่สลับซับซ้อน ไม่นำไปสู่ส.ส.ปัดเศษ บัตรเขย่ง จนนำไปสู่รัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง การเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เป็นการตอบโจทย์ที่ชัดเจน ส่งเสริมเสรีภาพในการเลือกผู้แทนของประชาชน ที่เลือกได้ทั้งคนและพรรค

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ระบบเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อกับส.ส.เขต เราคำนึงตลอดว่าแม้จะ 100 ต่อ 400 คน หรือที่มาต่างกัน เราคำนึงว่าเป็นส.ส.ที่มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ไม่มีส.ส.ซีกใดที่มีศักดิ์ศรีเหนือกว่ากัน เราเป็นระบบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ซึ่งการเลือกตัวแทนที่ดีที่สุดต้องเป็นการทั่วไป โดยเสมอภาค เสรี ตรงและลับ ดังนั้น การที่เขาจะให้เรามาเป็นตัวแทน เขาต้องมอบอำนาจจากเขาให้เราอย่างตรงโดยเป็นการลับและทั่วไป

จากนั้นที่ประชุม ลงมติเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก ในการแก้ไขมาตรา 3 ที่เสนอให้ยกเลือกความในมาตรา 83 ด้วยคะแนน 476 ไม่เห็นด้วย 70 เสียงงดออกเสียง 91 ทั้งนี้ การพิจารณาใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน