พรรคก้าวไกลยันมีจุดยืนแก้รธน. เห็นด้วยมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หวังคงระบบส.ส.พึงมีไว้ ชี้ผ่านหรือไม่อยู่ที่สว. ยันพรรคพร้อมสู้ทุกกติกา

วันที่ 8 ก.ย.2564 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลเผยว่า ทางพรรคมีจุดยืนลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยเห็นด้วยกับการแก้ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะไม่เห็นด้วยกับบัตรเลือกตั้งใบเดียวแบบในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560

อย่างไรก็ดีอยากให้คงหลักการคำนวณส.ส.พึงมีไว้ เพราะเป็นการวัดความต้องการของประชาชนในภาพรวมต่อพรรคการเมืองนั้น ๆ

นายธีรัจชัยกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญปี2540 ที่เลือกเขตเลือกพรรค แต่ระบบบัญชีรายชื่อเหมอนของแถมเพียงอย่างเดียว จึงต้องการให้มีระบบคำนวณพึงมี แต่ไม่มีระบบส.ส.ปัดเศษ แต่ต้องการให้พรรคเล็กเป็นตัวแทนของประชาชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย จะได้มีโอกาสส่งตัวแทนเข้ามาเป็นส.ส. ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้สนองตอบต่อการแก้ไขดังกล่าว แต่เป็นการเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540 ที่สร้างปัญหามาก คือผู้ชนะกินรวบ นำไปสู่การใช้อำนาจต่าง ๆ รวมถึงการทำรัฐประหารปี 2549

“การที่กลับไปแบบเดิมคือ ผู้ชนะกินรวบ ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่เป็นพรรคการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้ประโยชน์ โดยทั้งสองต่างมั่นใจว่าตัวเองน่าจะชนะ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร”

ตนมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นแบบลุกลี้ลุกลน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ ส.ส.พึงมี กล่าวคือมีการแก้ไขให้มีส.ส.บัญชีรายชื่อจริง ขณะเดียวกันในมาตรา 93 และ 94 ให้ต้องคำนวณส.ส.พึงมีไว้ตามเดิม เสมือนหัวมงกุฎท้ายมังกร ถามว่าหากเป็นเช่นนี้การพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 แต่พรรคมองว่ากระบวนการไม่ชอบ จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ นายธีรัชชัย กล่าวว่า โดยหลักของพรรคก้าวไกลจะเน้นให้จบในรัฐสภาไม่ต้องไปที่ศาล แต่ยืนยันว่าเราพร้อมสู้ทุกกติกา และมั่นใจว่าจากการทำงานที่ทุ่มเทและซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์และประชาชน ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ

ส่วนตัวเชื่อว่าจะกติกาใดก็ตามประชาชนจะไว้วางใจเรามากกว่าเดิม ส่วนกรณีที่มีวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลยืนยันในระบบบัตรเลือกตั้งแบบคำนวณส.ส.พึงมี เพราะเกรงว่า ส.ส.ในสภาของพรรคจะลดลงนั้น ตนคิดว่าเป็นความต้องการของเกมการเมืองของผู้อำนาจ ที่ต้องการลดขนาดของพรรคก้าวไกล แต่เรามั่นใจในการทำงาน ไม่ว่าเป็นแบบไหนเราชนะได้

“แต่สิ่งที่เราต้องการคือกติกาที่เป็นธรรมมากกว่า เราไม่ใช่พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่รอร่วมรัฐบาล ตนเชื่อว่าประชาชนต้องการคนที่อยู่กับร่องกับรอย”

นายธีรัจน์ชัยกล่าวต่อว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ผ่านวาระ 3 ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรคก้าวไกล เพราะก็มีหลายพรรคที่ประกาศว่าเห็นด้วย และมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งตามมาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ตัดสินว่าการแก้ไขจะผ่านหรือไม่นั้นอยู่ที่ 2 จุด คือ สว.ที่ต้องมีเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 คนจาก 250 คน

“ดังนั้นจะผ่านหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองอื่น เพราะเลขเซ็ตลงตัวหมดแล้ว อยู่ที่ว่าส.ว.จะเอาอย่างไร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีสัญญาณอย่างไร”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน