สุพิศาล เดือด คฝ.จัดการม็อบรุนแรง จี้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ แนะ ประยุทธ์ ต้องลงมาเจรจาหาทางออก ไม่งั้นเกิดเหตุปะทะไม่จบสิ้น แนะผู้ชุมนุมฟ้องได้

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 ที่รัฐสภา พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายชุมนุมของประชาชนอย่างรุนแรง และมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมทุกวันว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว รัฐบาลไม่นำข้อเสนอที่ส.ส.ช่วยกันเสนอไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศ หรือการแก้ปัญหาใดๆ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการการชุมนุม แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีแค่ข่าวจะยกเลิก ศบค. จะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ในการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมยังเหมือนเดิม และดูเหมือนจะหนักมากยิ่งขึ้นด้วย

รัฐบาลไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น เป็นมาตรฐานที่บกพร่อง ซึ่งชวนให้สงสัยและตั้งคำถามอย่างมากว่า ทำไมถึงกล้าละเมิดได้ขนาดนี้ การใช้กำลังของเจ้าหน้าที่อย่างใช้กระบองรุมตีที่ศรีษะ หรือวันก่อนที่มีข่าวขับรถพุ่งชนผู้ชุมนุมด้วยนั้น ปฏิบัติการอย่างนี้ไม่เรียกว่า การระงับเหตุหรือหยุดการกระทำผิด

ที่อ้างว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจนั้น มาตรา 17 กำหนดไว้ชัดว่าการกระทำที่เจ้าหน้าที่รัฐ จะกระทำได้ตามบทบัญญัติคือ “ระงับหรือป้องกันการกระทำผิด”เท่านั้น และต้องกระทำด้วยความสุจริต เหมาะสม ไม่เกินกว่าเหตุ หรือสัดส่วนของการกระทำที่เกิดขึ้น ดังนั้น เกินกว่านี้ต้องรับผิด เพราะมาตรานี้จะไม่คุ้มครอง สามารถฟ้องร้องได้ทั้งทางแพ่ง อาญา และทางปกครอง ผู้ที่ได้รับความเสียหายย่อมมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้การคุ้มครองแต่อย่างใด

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่รุนแรง กระทำกับผู้ออกมาใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธที่เกิดขึ้นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ตนสงสัยว่าข้อเสนอที่ส.ส.ได้อภิปรายกันในสภา มันเข้าหูท่านบ้างหรือไม่ ทำไมไม่มีความเปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการยังคงใช้ความรุนแรง แบบไม่มีมาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น

“เราจะเอากันแบบนี้เหรอ จะไม่ต้องมีมาตรฐานกันเลยเหรอ รัฐไม่เคยมองว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ ตรงกันข้าม มองว่าเป็นผู้เห็นต่าง เป็นผู้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย สร้างปัญหาสังคมอย่างต่อเนื่อง จึงใช้ความรุนแรง นี่คือความชอบธรรมที่รัฐพยายามสร้าง ซึ่งผิดทุกหลักการ” พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าว

การขับรถชนที่อ้างว่าระงับเหตุนั้นน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า การล็อกตัวจับกุมผู้ชุมนุมแล้วใช้เครื่องมือพันธการการนั้น มันใช้กับอาชญากร คุณใช้กฎหมายปิดปากผู้ชุมนุม หรือ slap law จับไปวันละ 10-20 คน เรื่อยๆ แบบนี้ ไม่มีทางจบสิ้นแน่ เพราะจะยิ่งทำให้ประชาชนโกรธ แล้วออกมาอีก ถึงเวลาแล้วที่นายกฯ ต้องมาพูดคุยกับประชาชน รับฟังข้อเรียกร้องต่างๆ ต้องเปิดพื้นที่ โดยรัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพอย่างจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะเละเทะไปอย่างนี้ ไม่จบสิ้น

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวด้วยว่า การปราบม็อบภายใต้การบริหารของนายกฯคนนี้ สรุปได้ 3 ข้อคือ ข้ามขั้นตอน-อุปกรณ์เกิน-รุนแรงเกินกว่าเหตุ และตู้คอนเทนเนอร์ ก็อยู่ในส่วนที่เป็นอุปกรณ์เกิน เพราะมันไม่ได้ถูกกำหนดให้ใช้ตามประกาศสำนักนายกฯ ตามมติครม.เมื่อ 25 ส.ค.2558 นี่ไม่ใช่ตามความหมาย วงเล็บ 32 ที่ใช้ป้องกันสถานที่ ดังนั้น ต้องเลิกใช้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน