วิโรจน์ ซัดรัฐบาล ใช้เงินไร้ประสิทธิภาพ จนต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะ เปิดช่องกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้าน ดักคอ ประยุทธ์ ถ้ากู้มาใช้จนเกลี้ยงอีก ประชาชนยากจะให้อภัย

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล และคณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของพรรค กล่าวถึงคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังของรัฐ มีมติให้ปรับเพดานหนี้สาธารณะ จาก 60% เป็น 70% ต่อจีดีพี เมื่อคำนวณแล้วจะเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถกู้เงินนอกเหนือจากแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2565 ได้อีกประมาณ 1 ล้านล้านบาท ว่า พรรคก้าวไกลไม่เคยทักท้วงเรื่องการกู้ และเน้นย้ำมาตลอดว่าในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 การกู้เงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในด้านต่างๆ ที่จำเป็น พรรคไม่เคยขัดข้อง และยืนยันว่าการกู้เงินมีความจำเป็นด้วยซ้ำ

การกู้เงิน จึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การใช้เงินที่กู้มาอย่างไร้ประสิทธิภาพ และขาดวิสัยทัศน์ของรัฐบาล พอเงินหมดก็กู้ กู้มาก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ที่ไม่ควรซื้อก็ซื้อ ที่ควรต้องซื้อก็ล่าช้า พอเงินหมดก็กู้อีก พอครบกำหนดต้องใช้หนี้ก็ต้องกู้วนมาจ่ายหนี้ ถ้าการใช้เงินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐบาลยังขาดวิสัยทัศน์ และไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ ในที่สุดสภาพของประเทศจะไม่ต่างจากคนที่ขาดวินัยทางการเงิน และมีหนี้บัตรเครดิตล้นพ้นตัว” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลต้องยกระดับเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% ของจีดีพี คือเมื่อการใช้จ่ายเงินกู้ของรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการเติบโตของจีดีพี ก็จะอยู่ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ และเป็นไปได้ว่าอาจจะแย่ ในระดับที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน หากประเทศมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและมีอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ดี วงเงินกู้ที่มีเพดานหนี้สาธารณะในระดับ 60% ของจีดีพี ก็จะขยายตัวตามจีดีพีที่เติบโตขึ้นอยู่แล้ว

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจดีว่าด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การขยายเพดานระดับหนี้สาธารณะ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะกู้เงินที่เป็นภาระของประชาชนทั้งแผ่นดินมาใช้จ่ายอย่างไร้สามัญสำนึกและขาดวิสัยทัศน์ได้อย่างเดิม ไม่เช่นนั้นรัฐบาลถัดไป ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขยับเพดานหนี้สาธารณะให้สูงขึ้นกว่านี้อีก เพื่อกู้เงินมาแก้ไขปัญหา ตามล้างตามเช็ดความฟอนเฟะทางเศรษฐกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อเอาไว้

ที่จริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมในการกู้เงินไปแล้วด้วยซ้ำ ช่องว่างที่กู้ได้อีก 1 ล้านล้านบาท จากการขยายเพดานระดับหนี้สาธารณะในครั้งนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์ กู้มาถลุงจนเกลี้ยงอีก คงเป็นสิ่งที่ประชาชนยากที่จะให้อภัย พล.อ.ประยุทธ์ จึงควรสังวรตน และเหลือวงเงินกู้ให้กับรัฐบาลที่มีสติปัญญาและความสามารถ ได้กู้มาฟื้นฟูประเทศบ้าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน