เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่10 ธ.คที่รัฐสภานายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เนื่องในวันรัฐธรรมนูญว่า ถึงวันนี้คนไทยทั้งประเทศไม่เฉพาะฝ่ายการเมืองและนักการเมืองคงมีคำถามในฐานะคนไทยเจ้าของประเทศว่า เมื่อรัฐธรรมนูญได้มีการประกาศใช้และผ่านการทำประชามติแล้วก็ควรจะถึงเวลาที่ คสช.รัฐบาลและเครือข่ายแม่น้ำ 5 สายต้องคิดว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว คำสั่งหรือประกาศใดๆ ของ คสช.ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ควรพิจารณาทบทวนและยกเลิกไป อย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญเฉพาะปัจจุบันผ่านการประชามติ ถือว่าคนไทยทั้งประเทศโดยเสียงข้างมาผ่านความเห็นชอบ หมายความว่าเป็นฉันทานุมัติของคนส่วนใหญ่ เมื่อเปรียบกับประกาศหรือคำสั่ง ของ คสช. ซึ่งเป็นการคิดเป็นประกาศ เป็นกระบวนการของคนเพียงคนเดียว คือหัวหน้า คสช. ดังนั้นก็ต้องทบทวนว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายหลักของประเทศหรือไม่ รวมถึงพรรคการเมืองและประชาชนด้วย

“ดังนั้นประกาศหรือคำสั่งเช่นการห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ซึ่งน่าจะเป็นการขัดต่อการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงฝ่ายการเมือง เรื่องนี้ต้องพิจารณาและยกเลิกได้แล้ว การอ้างว่ายังไม่สามารถปลดล็อคได้เพราะสถานการณ์บ้านเมืองอาจมีปัญหาในบางจุด บางพื้นที่ ขอเรียนว่าวันนี้ถ้าเราเริ่มต้นด้วยความรัก ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเริ่มด้วยความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ปัญหาก็จะไม่จบ ดังนั้นการกลับคืนสู่ประชาธิปไตย และการใช้รัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ฝ่ายการเมืองก็ควรต้องมีเวลาในการเตรียมตัว เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายลูกและรัฐธรรมนูญ การกลับคืนสู่ประชาธิปไตยเปรียบเหมือนร่มไม้ใหญ่ของประเทศที่คนจะสร้างสันติสุขร่วมกัน ไม่อยากให้รัฐบาบมองเป็นไร่เลื่อนลอย ผลัดไปเรื่อย มีปฏิณญาโตเกียวก็ประกาศว่าจะเลือกตั้งปี 59 พิมีปฏิณญานิวยอร์ค ก็ประกาศว่าจะมีเลือกตั้งปี 60 พอไปพูดที่ตรังก็บอกว่าเลือกตั้งมีแน่ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ การพูดลักษณะแบบนี้มองว่าเป็นการทำลายความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความหวาดระแวงมห้กับทุกภาคส่วน” นายอนุสรณ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ คสช.ทำทุกอย่างเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ คสช.รัฐบาลหรือองค์กรสาธารณะต่างๆ ดำเนินการในขณะนี้หรือแม้แต่พรรคการเมือง คนทั้งประเทศสามารถคิดและวิเคราะห์ ดังนั้นเราไม่สามารถดูพฤติกรรมเฉพาะของ คสช.ได้ แต่ดูกันตั้งแต่วันแรกที่มาทำหน้าที่จนถึงปัจจุบัน มีการวางแผนมีการเตรียมการ มีกระบวนการเป็นขั้นตอน เรื่องนี้ประชาชนตัดสินใจได้ว่า ทำไมถึงต้อง สว.สรรหา 250 คน ทำไมต้องมียุทธศาสตร์ 20 ปี ทำไมต้องเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งใหม่ เพื่อเปผ้นการทำลายระบบสถาบันพรรคการเมือง วันนี้ก็ชัดเจนเหมือนจิ๊กซอร์แต่ละตัวที่วางไว้ว่าทั้งหมดที่ทำมาก็เพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจ แม้แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระยะแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่เข้าสู่การเมือง แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลักฐานและเค้าโครงความคิดที่วางแผนเตรียมการไว้ปรากฎเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันนี้พลเอกประยุทธ์ก็ปฏิเสธน้อยลง บางครั้งแทบไม่ปฏิเสธเลย แล้วไปปรากฎในคำถาม 4 ข้อและ 6 ข้อ ถือเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ว่าพลเอกประยุทธ์คิดและเตรียมการอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ กกต.ชุดใหม่บางคนเคยขึ้นเวทีพันธมิตร ห่วงเรื่องความเป็นกลางหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ความสงสัยของประชาชนสามารถเกิดขึ้นได้ พรรคเพื่อไทยในฐานะสถาบันทางการเมืองไม่ได้มองว่ากติกาเป็นอย่างไร หรือใครจะเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมดูแล แต่คิดว่าเวลานี้ทุกฝ่ายควรให้กำลังใจกับทุกภาคส่วนที่จะเข้ามา สิ่งสำคัญบางครั้งเราเองตั้งข้อสงสัยไม่ได้ เช่นข้อสงสัยเรื่องคุณสมบัติเพื่อนำไปสู่การร้องให้ตรวจสอบ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวอาจนำไปสู่การเชื่อมโยงลากยาวออกไป กลายเป็นผลเสียหรือผลกระทบต่อผู้ที่ร้อง ทั้งนี้ กกต. มีหน้าที่ในการทำงานด้วยความสุจริตยุติธรรม เมื่อวันนี้ยังไม่ได้ทำงานทุกคนควรให้โอกาส และผลงานจะเป็นสิ่งการันตีว่าวิธีคิดและจุดยืนเป็นอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน