เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป ยื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เสนอให้แก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 140 และ 141 เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมระหว่างสมาชิกพรรคและพรรค

นายไพบูลย์กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ 3 ประเด็น 1.ความเหลื่อมล้ำระหว่างสมาชิกพรรคที่ต้องชำระและไม่ต้องชำระค่าบำรุงพรรค แต่มีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำให้เกิดสมาชิกพรรคสองมาตรฐาน เพราะมาตรา 140 และ 141(5) รับรองให้สมาชิกพรรคที่มีอยู่เดิม ให้มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคต่อไป โดยไม่ต้องชำระค่าบำรุงพรรค 4 ปี ขณะที่พรรคที่ตั้งใหม่ต้องชำระทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1,000 บาท

2.สมาชิกพรรคเดิม ที่จัดตั้งตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2550 ส่วนใหญ่เกิดจากการรวบรวมรายชื่อมาเป็นสมาชิกพรรค หลายกรณีพบว่าเจ้าตัวไม่รู้ว่าถูกแอบอ้างชื่อไปเป็นสมาชิกพรรค แต่พ.ร.บ.ฉบับใหม่ไปเหมารวมรับรองให้มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องแสดงเจตจำนงจะเป็นสมาชิกพรรคเดิมต่อไป

3.แบบฟอร์มการยื่นของจัดตั้งพรรคใหม่มีความยุ่งยาก ต้องเขียนข้อมูลส่วนตัวละเอียดเกินความจำเป็น อาทิ ข้อมูลบิดา มารดา คู่สมรส บุตร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิร่วมกันจัดตั้งพรรค ทำให้มีขั้นตอนยุ่งยากและเสียเปรียบสมาชิกพรรคเดิม

นายไพบูลย์กล่าวว่า ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้งปลายปี 2561 เป็นธรรม มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และประธานสนช. พิจารณาแก้ไขพ.ร.บ.พรรคการเมือง 2560 โดยให้สมาชิกพรรคที่มีอยู่ในข้อมูลของพรรคเดิม ยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคจนกว่าจะยื่นความจำนงสมัครเป็นสมาชิกพรรคเดิม พร้อมชำระค่าบำรุงพรรคก่อน จึงจะมีสิทธิเป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งแก้ไขกระบวนการยื่นจัดตั้งพรรคใหม่ให้สะดวกรวดเร็ว เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมกันระหว่างสมาชิกพรรค ถ้าจำเป็นต้องรีเซตสมาชิกพรรคทั้งหมดก็ต้องทำ โดยให้สมาชิกทุกพรรคมาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ทุกพรรค

ด้านนายพรเพชร กล่าวว่า การแก้ไขพ.ร.บ.พรรคการเมือง มี 2 ช่องทาง 1.ครม.เป็นผู้เสนอ 2.สมาชิกสนช.เข้าชื่อเสนอขอแก้ไข ซึ่งมีเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญและต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร ตั้งแต่ขั้นตอบการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน การวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และขั้นตอนการพิจารณาแก้ไขจากสนช. อีก 1 เดือน อย่างน้อยต้องใช้เวลาแก้ไข 2 เดือน ยังไม่รวมขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ดังนั้น หากคำนวณคร่าวๆ คงกระทบต่อโรดแม็ปการเลือกตั้งปลายปี 2561 แต่ต้องศึกษารายละเอียดอย่างจริงจังอีกครั้ง

นายพรเพชร กล่าวว่า มีอีกวิธีที่ทำได้คือ การแก้ไขในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่เปิดช่องแก้ไขเรื่องเงื่อนเวลาการดำเนินการของพรรคได้ ความจริงปัญหานี้ไม่ควรเกิดขึ้น หากพิจารณาพ.ร.บ.พรรคการเมือง ควบคู่กับพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.บ.การได้มาซึ่งส.ว. เพื่อให้รู้ปัญหา ส่วนข้อเสนอของนายไพบูลย์นั้น ต้องไปดูว่าในช่วงพิจารณาพ.ร.บ.พรรคการเมือง มีการเสนอความเห็นเรื่องที่เสนอมาหรือไม่ หากเสนอมาแล้วทำไมไม่หยิบยกมาพิจารณา ด้วยเหตุผลอะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน