จากกรณีพ.อ.บุรินทร์ ทอง ประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกอง บัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่าย กฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สมบัติ สมบัติโยธา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือหมวดเจี๊ยบ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ความผิดเข้าข่าย 1.นำเข้าข้อมูลเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) และ2.ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หลังวิจารณ์นายกฯ และรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่บก.ปอท. ชั้น 4 ศูนย์ราชการอาคารบี ถยนแจ้งวัฒนะ กทม. ร.ท.หญิง สุณิสา พร้อมด้วย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความส่วนตัวเดินทางมาพบ ร.ต.อ.สมบัติ เพื่อรับทราบข้อล่าวหา นำเข้าข้อมูลเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) และ 2.ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองพรรคเพื่อไทย อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รมช.แรงงาน และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย พร้อมบรรดาแฟนคลับการเมืองมามอบดอกไม่ให้กำลังใจ

ทั้งนี้นายนรินท์พงศ์ เผยว่า วันนี้ ร.ท.หญิง สุณิสา มารับทราบข้อกล่าวหา หากทางพนักงานสอบสวนปอท. เบื้องต้นคงปฎิเสธข้อกล่าวหา และให้ให้การศาลเท่านั้น ทั้งนี้การแจ้งข้อหาตาม พรบ.คอมฯ มาตรา116 หลังจากดูรายละเอียดในสำนวนแล้ว น่าจะเป็นการแจ้งข้อหาเกินความจริง ส่วนข้อหายุยง ปลุกปั่นเกี่ยวกับความมั่น คิดว่าคงไม่น่าเข้าข่ายมาตรานี้

“ร.ท.หญิง สุณิสา เป็นโฆษกพรรคการเมืองอย่างไรก็ต้องยุ่งการเมืองอยู่แล้ว ไม่หนักใจกับรัฐบาลนี้ ความจริงก็คือความจริง อำนาจรัฐยังคงมีอำนาจ แต่สั่งให้ตำรวจ.บก.ปอท. ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่ง ตนก็จะตอบโต้กลับไป ตำรวจอย่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกล่าวร้ายต่อประชาชน เราอาจจะดำเนินการตามกฏหมาย ฟ้องกลับ ขมาตรา 200 ที่ระบุว่า หากพนักงานสอบสวนตั้งมาตราระบุโทษเกินความจริง จะต้องโทษอย่างหนักสูงสุดกลับไป ที่ตนพูดเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่หลายครั้งที่มีบุคคลทางการเมืองโดนแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เพื่อปิดปาก แต่ยังไงก็ตามบุคคลเหล่านี้ก็ยังจะดำเนินการวิจารณ์รัฐบาลต่อไป” นายนรินท์พงศ์ ทนายความส่วนตัว กล่าว

ร.ท.หญิง สุณิสา เปิดเผยว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวหากย้อนดูจะพบว่าเป็นวิจารณ์การทำงานและงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้เพราะเป็นการตรวจสอบอำนาจของรัฐบาล ไม่ได้มุ่งใส่ร้ายโจมตีบุคคลใด โดยรัฐบาลควรรับฟังและนำไปแก้ไขปัญหาดีกว่า ส่วนการเปรียบเทียบรัฐบาลเปิดทำเนียบต้อนรับนักร้องแต่ไม่ได้เปิดรับกลุ่มต้านโรงงานถ่านหินภาคใต้ เป็นการวิจารณ์รัฐบาลที่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติและแสดงสิทธิเสรีภาพความคิดเห็นของประชาชน และรัฐบาลควรรับฟังด้วย ไม่ใช้อำนาจคนเห็นต่างด้วยการแจ้งความดำเนินคดี

ร.ท.หญิง สุณิสา เผยอีกว่า การโพสต์วิจารณ์รัฐบาลและถูกดำเนินคดี 6 กระทง แต่ละกระทงโทษสูงสุดถึง 7 ปี รวมแล้วประมาณ 42 ปี เท่ากับชีวิตของคนๆหนึ่ง โดยตนมองว่าการตั้งข้อหาดังกล่าวน่าจะมีแรงจูงใจทางการเมืองเพราะตนเป็นอดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทยและวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลมาตลอด ทั้งนี้ รัฐบาลคงทราบดีว่าตนโพสต์ไม่ได้ใส่ร้ายแต่แสดงความคิดเห็นเพื่อรักษาผลประโยชน์บ้านเมือง สำหรับรากฐานการปฏิรูปทางการเมืองและเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นนั้นควรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะหากประชาชนไม่กล้าพูดความจริงแสดงความคิดเห็น ประเทศก็คงไม่อาจพัฒนาไปได้

“ต้องขอบคุณผู้แทนจากประชาคมโลกและตัวแทนทางการทูต อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ ประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้ง องค์กรสิทธิมนุษยชน เพื่อร่วมสังเกตการณ์ในวันนี้ด้วย เพราะประเทศไทยมีพันธสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนในประเทศ” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ร.ท.หญิง สุณิสา เดินเข้าไปพบ พนักงานสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามเข้าไปด้วย

โดยมีรายงานข่าวเผยอีกว่า เมื่อ 12 ธ.ค. ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ปอท.) คสช.ได้มีหนังสื่อคสช.(สลธ)ที่ 10/354 ลงวันที่ 8 ธ.ค.60 มอบอำนาจให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฎิบัติการ ประจำกองทัพบก เข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท.ให้แจ้งความร้องทุกข์กับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “สุณิสา เลิศภควัต” และ ชื่อ“หมวดเจี๊ยบ1” โดยทั้ง 2 บัญชีนี้เสนอบทความ หรือโพสต์ข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ทางเฟซบุ๊คทั้ง 2 บัญชี โดยมีรายละเอียดการโพสต์ข้อความดังนี้
วันที่ 30 ก.ย.60 เวลา 22.21 น. โพสต์ใน “สุนิสา เลิศภควัต” ว่า “จริงหรือไม่ที่สื่อนอกประโคมข่าวว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เตรียมไปเจรจา ซื้ออาวุธเพิ่มและส่งปิดดีลส่งมอบ แบล็คฮอว์ก 4 ลำ ที่เคยดีลค้างไว้ก่อนยึดอำนาจปี2557 และจริงไหมที่สหรัฐเตรียบีบให้ไทย เป็นแกนนำคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ”

อวันที่ 8 ต.ค.60 เวลา 18.25 น. โพสต์ “สุนิสา เลิศภควัต” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้คนไทยตกงานเพิ่มหรือไง จึงจะเปิดตลาดนำเข้าเครื่องในหมู แย่งตลาดพ่อค้าไทย”

วันที่ 8 ต.ค.60 เวลา 18.30 น. โพสต์ใน“ หมวดเจี๊ยบ1” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้คนไทยตกงานเพิ่มหรือไง จึงจะเปิดตลาดนำเข้าเครื่องในหมู แย่งตลาดพ่อค้าไทย”

ผู้แจ้งได้พิจารณาแล้วว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี2550 มาตรา 14 (2)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เท่ากับเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 กระทง จากเดิมที่แจ้งไว้ 6 กระทง ในความผิดจตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 116

ทั้งนี้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 มาตรา 14 นำเข้า/ปลอม/เท็จ/ภัยมั่นคง/ลามก/ส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์: ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน