‘ขบวนกี’ จบไม่สวย! ยังไม่ทันแสดงทีเด็ด เจอเหตุการณ์เดือด “แก๊สน้ำตา-ประทัดยักษ์” สนั่นราชดำเนิน มวลชนวิ่งวุ่น ม็อบยุติการชุมนุมทันที

วันที่ 9 ต.ค. กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และแนวร่วม จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ขบวนกี V.4 “เปลือย” จากสีลมซอย 2 มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และปราศรัยเปลือยปัญหาที่ซุกใต้พรมในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

บรรยากาศต่อเนื่อง เมื่อเวลา 17.47 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ นายธนพัฒน์ กาเป็ง หรือ “ปูน ทะลุฟ้า” แต่งกายด้วยชุดไทย ก่อนขึ้นปราศรัยถึงประเด็น ม.112 ขัดแย้งกับดสรีภาพในการแสดงออกและการแต่งกาย

และว่า เพื่อนเรามากมายถูกจับในเรือนจำ ด้วย ม.112 เพียงออกมาวิจารณ์ในสิ่งที่ผิด แต่เพื่อนเราจะไม่หมดหวัง ถ้าเรายังสู้ต่อไปด้วยกัน มาตรา 112 ไม่เพียงแก้ไข แต่ต้องยกเลิกด้วย

จากนั้น เวลา 18.00 น. มีมี่ เยาวชนอายุ 17 ปี และ เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ “พลอย” กลุ่มไพร่ปากแจ๋ว กล่าวปราศรัย การที่เด็กพูดความจริง พูดสิ่งที่ต้องการ ก็ถูกตีตรา ด้วยคำว่า ความดี กตัญญู และบุญคุณ คือเครื่องมือที่ใช้กดหัวเด็กหรือไม่

ถ้าเด็กคนนั้นเจอความรุนแรงมาทั้งชีวิต ต้องการออกมาพูด ว่าการเมืองไม่ดี รัฐบาลไม่ดี แล้วผู้ใหญ่ด่าทอ คือสิ่งที่ควรทำหรือ ทั้งที่เราต่างคือผู้ถูกกดขี่จากรัฐบาลเหมือนกัน

ช่วงต่อมาเมื่อ มีมี่ กล้อนผมจนหมดศีรษะแล้ว จึงกล่าวว่า จะไม่มีผม จนกว่าจะไม่มีเผด็จการ หรือถ้าไม่มีผมไปตลอดชีวิต ก็ขอให้เป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตย

“ผมขึ้นใหม่ได้ แต่ชีวิตคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีทางกลับมา ฝากถึงรัฐบาล ฝากถึงอาจารย์ หลายครั้งที่เห็นว่ามีมี่ออกมาเคลื่อนไหว หลายคนคนผิดหวังในตัวหนู เพราะเคยตั้งใจเรียน ตอนนี้อยากส่งเสียงไปถึงเขาว่า มีมี่คนนี้ ก็ยังตั้งใจเรียนในห้อง ตั้งใจทำการบ้าน เรียนพิเศษ จนวันหนึ่งที่เห็นโลกกว้างขึ้น เห็นคนชายขอบ คนที่ถูกทอดทิ้ง และคนตายมากมาย เพราะรัฐบาลเฮงซวย ทนเรียนในห้องไม่ไหวแล้ว” มีมี่กล่าว

เวลา 18.55 น. พรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า แกนนำราษฎรมูเตลู ผู้ต้องหาคดี ม.112 แต่งกายด้วยชุดนางสีดา ทำการวาดลีลาฟ้อนรำ ก่อนกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ที่แสดงไปเมื่อสักครู่ ก็มาจากคำว่า มูเตลู ที่ใช้ความเขื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความงมงาย มีคนบอกว่า สุดท้ายพวกราษฏรมูเตลูก็งมงาย แต่คุณเองก็ยังงมงายมาอย่างยาวนาน

แต่จังหวะที่นายพรหมศรกล่าวปราศรัยต่อถึงนิสัยที่แท้จริงของนักกิจกรรมที่ถูกคุมขัง พิธีกรก็ได้ประกาศยุติกิจกรรมและการชุมนุมอย่างกะทันหัน ในเวลา 19.10 น. และขอให้ทุกคนเดินทางกลับด้วยความปลอดภัย

ทั้งนี้ ทราบต่อมาว่า จังหวะดังกล่าว เนื่องจากมีเยาวชนพบเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ยืนประจำการบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาส จึงขว้างปาสิ่งของไปยังตำรวจ ด้วยความโมโห ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจตอบโต้กลับด้วยแก๊สน้ำตา และตั้งแถวเตรียมมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกจึงตัดสินใจประกาศยุติกิจกรรม แม้จะยังมีผู้ปราศรัยรายอื่น และยังไม่ได้ทำกิจกรรมไฮไลต์

จากนั้น 19.15 น. เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นบริเวณแยกผ่านฟ้าหลายครั้ง ต่อมา มีผู้เผาวัตถุบางอย่าง คาดว่าเป็นกรวยยางจราจร เกิดเปลวไฟและกลุ่มควันจำนวนมาก

19.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอให้ผู้ก่อเหตุยุติการกระทำดังกล่าว โดยระบุว่า การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยุติแล้ว แต่มีกลุ่มบุคคลพยายามยั่วยุให้ความรุนแรง ตำรวจจำเป็นต้องแยกระหว่างผู้ก่อเหตุและสื่อมวลชน ขอให้สื่อย้ายไปรวมกันฝั่งภูเขาทอง โดยมีการบันทึกภาพไว้ทั้งหมด

ต่อมาเวลา 19.48 น. รถฉีดน้ำเข้าควบคุมเพลิง ท่ามกลางเสียงประทัดยักษ์ และสถานการณ์ที่ตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลงหลัง 20.00 น.

 

………….

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน