พท.สวนแผนเปิดประเทศ “ประยุทธ์” เลื่อนลอยไร้แผนจัดการ ทำประชาชน มาแบกรับความเสี่ยง หวั่นโควิดระบาดอีกระลอก อัดวัคซีน ก็ยังฉีดไม่ครบ 70%
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรค และน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกพรรค ฐานะคณะทำงานด้านต่างประเทศ ร่วมแถลงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ และการทำงาน 120 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า พรรค พท.ไม่ปฏิเสธการเปิดประเทศ ไม่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายสู่การเปิดประเทศ แต่ปฏิเสธการตั้งเป้าหมายแบบเลื่อนลอย ไร้การดำเนินการรองรับ สาระสำคัญคือการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ คำถามจึงไม่ใช่เปิดหรือไม่ แต่เปิดอย่างไรและเตรียมพร้อมอย่างไร มองดูที่ความพร้อม สิ่งที่เจอคือความไม่พร้อม เช่น ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ห่างไกลความจริง จังหวัดที่ตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยว ยังเป็นจุดศูนย์กลางของการติดเชื้อ ระบบสาธารณสุขยังคาบเส้นศักยภาพของระบบพอดี
ทั้งนี้ ต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่น สหรัฐฯ จัดไทยเป็นประเทศสีแดง อยู่ระดับความเสี่ยงสูงสุด แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง ส่วนอียูปลดไทยออกจากประเทศปลอดภัย เมื่อตลาดจีน ญี่ปุ่นยังปิด ตลาดยุโรป สหรัฐฯ ให้เลี่ยงเดินทางมา มองไม่เห็นเลยว่านักท่องเที่ยวจะมาจากไหน ทั้งหมดเพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว ทำให้วันนี้ประเทศต้องเปิดท่ามกลางความเสี่ยงสูง เปิดก็เสี่ยงตาย ไม่เปิดก็อดตาย
นายจักรพล กล่าวว่า หลายประเทศประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด อย่างเดนมาร์ก สิงคโปร์ ชิลี แต่ข้อแตกต่างของมาตรการรองรับประเทศเหล่านี้กับไทยคือ เปิดประเทศหลังจากที่มีประชาชนได้รับวัคซีนถึง 70% แล้วทั้งสิ้น ไทยนำร่องเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ขณะที่ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสเพียง 56 % และหลายจังหวัดที่จะเปิด 1 พ.ย.นี้ ยังไม่มีจังหวัดใดที่ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดสถึง 70% แสดงถึงการบริหารจัดการฉีดวัคซีนที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดดเดี่ยวตัวเองบนเวทีโลก ไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ เพราะความประมาทเลินเล่อ ทำประเทศไทยเสียโอกาส ประเทศไทยและชีวิตคนไทยถูกใช้รับความเสี่ยงโดยไม่เผื่อใจว่าจะมีความผิดพลาด สุดท้ายประเทศสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล
“จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ต่างกังวลการเปิดประเทศ เพราะรัฐบาลไม่มีมาตรการคู่ขนานที่ชัดเจน อาจนำไปสู่การระบาดระลอกใหม่ ครั้งนี้อาจเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย ส่วนการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจผ่านมาตรการซอฟท์โลนทิพย์ คือมีอยู่ แต่ได้มาไม่ง่าย ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนถอดใจและหมดหวัง” นายจักรพล กล่าว
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ขอตั้งคำถามรัฐบาลว่ามีความพร้อมแค่ไหนที่จะรับมือกับเชื้อโควิดหากมีการระบาดเกิดขึ้นอีกครั้ง การแจกชุด ATK คุณภาพและฟรีแก่ประชาชนทุกคน ควรทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ถ้าวัคซีนไม่เข้าแขน ก็ขอ ATK แยงจมูกก็ยังดี ส่วนจุดตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ก็ต้องทั่วถึง ความพร้อมของโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิลาเวีย จำนวนเตียง ถังออกซิเจน เครื่อง x-ray ปอด การติดต่อ hospitel ไว้ล่วงหน้าในจำนวนที่เพียงพอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่จะเปิดนำร่องเพียงพอแล้วหรือยัง อย่างประเทศสิงคโปร์ใช้ยุทธศาสตร์ยกระดับการตรวจหาเชื้อด้วยการแจกชุดตรวจทางไปรษณีย์ถึงบ้านให้ประชาชนฟรี สหราชอาณาจักรประกาศให้ประชาชนรับชุดตรวจได้ฟรีสัปดาห์ละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง ส่วนโมเดลอู่ฮั่นเป็นกรณีศึกษาที่ดี คือมีการตรวจแบบจริงจังเชิงรุก ไม่ใช่ตรวจเชิงรับ ตรวจทั่วถึงทุกคน และใช้เทคโนโลยีมาช่วยควบคุมมาตรการล็อกดาวน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย