“หมอชลน่าน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอเคลียร์ให้ชัด ลั่นพรรคไม่เคยคิดเสนอร่างแก้ ม.112 แต่พร้อมเป็นตัวกลาง รับเรื่องสู่สภา ยันท่าทีสุดท้ายไม่เกี่ยวกับ “โทนี่”

วันที่ 4 พ.ย.64 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงาน เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงท่าทีพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 หลังจากนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทย มีเนื้อหาสรุปว่า ยืนยันเจตนารมณ์พรรคเพื่อไทย พร้อมนำข้อเสนอแก้ ป.อาญามาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา ก่อนที่ล่าสุด นพ.ชลน่าน จะให้สัมภาษณ์วันที่ 3 พ.ย.ว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นผู้เสนอแก้ แต่จะเป็นเพียงตัวกลางรับเรื่องเข้าสู่สภาเท่านั้น

นพ.ชลน่าน ระบุถึงจดหมายเปิดผนึกว่า ในมุมของการสื่ออาจจะทำให้งง แต่เจตนาและจุดยืนที่ออกจดหมายเปิดผนึกของพรรคเพื่อไทยเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ชัดอยู่แล้วว่า เรามุ่งมั่นที่จะรับข้อเสนอข้อร้องเรียนโดยเฉพาะน้องๆ ที่ถูกกระทำโดยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เช่นกฎหมาย ม.112 ที่ใช้ลงโทษเขา เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ ทำให้คนเดือนร้อน แตกแยก กระทบทุกฝ่าย เราเห็นทางแก้ปัญหา ในฐานะพรรคการเมือง นิติบัญญัติก็พร้อมรับเรื่องเหล่านั้นเข้าสู่สภาเพื่อนำสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาตามประเด็นที่ยื่นเข้ามา เรื่องนี้ชัดเจนอยู่ในตัว ไม่ได้ถอย หรือยกเลิกเจตนารมณ์

ส่วนกรณีการออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แล้วทำให้เข้าใจว่าเพื่อไทยจะมีบทบาทนำในการแก้กฎหมายมาตรา 112 นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า หากจะตีความเข้าใจอย่างนั้นก็ไม่ได้คลาดเคลื่อนอะไร เพราะการเขียนอย่างนั้นมันมีกระบวนการที่จะแก้ไขในรัฐสภา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการแก้ไขตัวบทกฎหมายอย่างเดียว หากน้องๆ เห็นว่าถูกกระทำโดยกฎหมายบังคับใช้โดยไม่ชอบก็จะเป็นปัญหาหนึ่ง

แต่ปัญหาหลักๆ เรื่องแรกคือการบังคับยับยั้งการบังคับใช้โดยไม่ชอบ นี่เป็นเรื่องแรก ทำอย่างไรให้การบังคับใช้กฎหมายใช้อำนาจล้นเกิน ทั้งตำรวจ อัยการ ฝ่ายตุลาการ กระบวนการเหล่านี้จะต้องถูกตรวจสอบระงับยับยั้งก่อน เป็นกระบวนการแรก เป็นปัญหาเฉพาะหน้า เราหมายความอย่างนั้น

หากยื่นขอแก้ไขกฎหมายก็จะเป็นกระบวนการของสภาไป เราไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าเราแก้ได้จะเป็นการพูดเกินหน้าที่ การใช้อำนาจทางกฎหมายโดยไม่ชอบ โดยการดึงเอาสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง รัฐบาลนี้แย่ที่สุดคือเอาสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อันนี้เราต้องปกป้อง ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง

ต่อข้อถามที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 112 และ 116 หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราไม่เคยมีความคิดที่จะยกร่างในเรื่องนี้ เพียงแต่หากมีฝ่ายไหน เช่นฝ่ายประชาชนส่งเข้ามาก็ถือว่าเป็นปัญหา เรามองในมุมที่จะปกป้องสถาบันนั้นมีทั้งแรงสนับสนุน แรงต่อต้าน ถ้าเราไปกระทำเองในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยมันเหมือนกับไม่ฟังเสียงรอบด้าน ดังนั้นเราพังเสียงรอบด้านทั้งสนับสนุนทั้งต่อต้านเรารับเข้ามาหมด และตัดสินในรัฐสภา

สำหรับกระบวนการรับข้อเสนอจากน้องๆ หรือผู้เดือนร้อนที่ส่งเข้ามาขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อเสนอให้แก้ไข บางมุมขอให้ยกเลิก เป็นสารตั้งต้นที่ส่งเข้ามาแล้วกระบวนการก็ดำเนินไปตามนั้น เพราะมีช่องทางในการนำเข้าสู่สภา การผลักดันเข้าสู่สภาหากไม่มีเสียงของสมาชิกก็ไม่เป็นผล ต้องผลักดันเข้าระเบียบวาระก่อน

ต่อข้อถามที่ว่าท่าทีสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเพิ่งคิดได้หรือเป็นเพราะนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาสะกิดเตือน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ท่าทีสุดท้ายเป็นผลสืบเนื่องจากแถลงการณ์ฉบับแรก เพียงแต่มาเน้นย้ำในนามพรรค และพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าเรามีจุดยืนโดยรวมภาพใหญ่เป็นแบบนี้ ไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจของแต่ละพรรคแต่ละบุคคลที่เป็น ส.ส.

เรื่องที่พรรคแกว่งหรือไม่แกว่งอย่างไรก็ยอมรับเพราะเป็นความเห็นของสังคม การตีความย่อมแตกต่างกันไป ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยังมีจุดยืนเหมือนเดิม ความเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นมุมมองที่ท่านประสบว่าสมัยก่อนการบังคับใช้ไม่มีปัญหา ไม่ใช่ตัวบทไม่มีปัญหาเท่าที่ตนดูในเนื้อหา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน