เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการใช้ มาตรา44 ปลดล็อกการเมืองบางส่วน ว่า ในส่วนของ กกต.ไม่มีปัญหาอะไร จะขยายหรือไม่ขยาย เราทำตามได้ทั้งหมด ปัญหาอยู่ที่พรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เพราะไม่รู้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะผ่อนคลายให้พรรคได้ทำกิจกรรมเมื่อใด ซึ่งคิดว่าต้องวางตารางกันให้ดี ถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯและผู้ที่เกี่ยวข้องหารือกันอย่างรอบครอบ เนื่องจากตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมืองได้กำหนดสิ่งที่ต้องดำเนินการไว้มาก จึงต้องเอาข้อเท็จจริงมาดูกัน ทั้งความเห็นของพรรคเก่าและใหม่ อย่าไปคิดเองว่าเขาทำทัน เพราะบางพรรคแม้เป็นพรรคเก่า แต่ไม่เข้มแข็งอาจทำไม่ทันได้ มันก็จะกลายเป็นเรื่องของความได้เปรียบเสียเปรียบ จึงควรต้องพิจารณาให้ดี เพื่อที่ออกมาแล้วจะได้ไม่เป็นปัญหา หรือแก้ปัญหาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
“อย่างตัวเลขบางตัว ก็ไม่แน่ใจว่าผู้มีอำนาจจะรู้หรือไม่ เช่น การขอตั้งพรรคใหม่ กกต.ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 40 หน่วยงาน จึงขอเวลาในการตรวจสอบ 45 วัน ถ้าได้มีการพูดคุยกัน ว่าระยะเวลาดังกล่าว สามารถย่นย่อได้เพียงใด ก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งหากมีการเชิญ กกต.ไปให้ข้อมูลเราก็พร้อม”นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวอีกว่า การปลดล็อกบางส่วนไม่ได้ทำให้พรรคที่จะตั้งใหม่ได้เปรียบ เพราะถึงอย่างไรก็ทำได้เพียงในเรื่องของการเตรียมการไว้ เมื่อมีการปลดล็อกทั้งหมด ก็จะถือว่าทุกพรรค ทั้งเก่าและใหม่เริ่มสตาร์ทพร้อมกัน ซึ่งพรรคใหม่ยังมีขั้นตอนที่จะต้องทำในเรื่องของการจดแจ้งจัดตั้ง การประชุมต่างๆ ที่ย่อมเสียเปรียบกว่าพรรคเก่าที่มีความเป็นพรรคไปแล้ว ยกเว้น คสช.จะให้พรรคใหม่จดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ก็จะไม่เป็นการเสียเปรียบพรรคเก่า

“เราคงทำให้ทุกพรรคเท่ากันไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ดี ที่ คสช.พยายามจะทำให้เท่าเทียมกัน แต่ต้องคิดให้รอบคอบว่า ใช้ มาตรา44 แก้ปัญหาแล้ว เขาจะทำได้ทันจริงๆ ไม่ใช่ถึงเวลาสตาร์ทแล้วบางพรรคทำไม่ทัน ก็ส่งผู้สมัครไม่ได้ ผมยังเชื่อว่าถึงอย่างไรพรรคเก่าก็ทำทันตามกฎหมายกำหนด ดังนั้นเมื่อมีเจตนาดีก็ต้องคิด ที่จะให้เขาทำทันด้วย ไม่ใช่ถึงเวลาก็ให้เขาทำกันแค่เป็นพิธีกรรม ก็จะกลายเป็นสังคมหลอกลวง เราก็ไม่อยากที่จะให้เป็นอย่างนั้น” นายสมชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน