เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติลงนามในคำสั่ง หัวหน้าคสช. ที่ 53 / 2560 อาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ขยายเวลาให้พรรคการเมือง ดำเนินกิจกรรมตามกรอบเวลาในพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 ว่า การขยายเวลาดังกล่าวไม่ได้ถือว่าเป็นการปลดล็อคทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะการปลดล็อคหมายถึงการให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ในทันที แต่คำสั่งนี้เป็นเพียงการขยายเวลา

“และการขยายเวลานี้ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่ความผิดของพรรคการเมืองหรือไม่ใช่ความผิดของคณะ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เพราะกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนี้ได้ประกาศใช้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2560 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีการกำหนดห้วงเวลาไว้ดังนั้นแต่ละพรรคการเมืองจึงต้องการดำเนินตามเจตนารมย์ของ รัฐบาลให้เป็นไปตามโร้ดแม็ปของคสช. แต่ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ จนท้ายที่สุดเวลาทอดมาจนครบกำหนดซึ่งถ้าพรรคการเมืองไม่ทำตามนั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์ในการส่งสมาชิกลงสนามเลือกตั้ง ต้องย้อนถามว่าเป็นความผิดของพวกเราที่ละเลยไม่ทำตามกฏหมายหรือไม่ ก็ตอบได้ว่าไม่ใช่เลย”

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนต้องการเห็นการปลดล็อคอย่างแท้จริง อยากให้ประเทศไทยเข้าสู่บรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยและเสมอเหมือนกัน ไม่ใช่มาค่อยๆคลายล็อคให้พรรคการเมืองทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ในเวลานั้นเวลานี้ เพราะเหมือนเป็นการ ‘ลักลั่น’ แล้วเอาเหตุผลมาบอกว่าทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ทำไมจึงไม่ย้อนกลับไปดูเมื่อครั้งที่กฎหมายเริ่มออกประกาศใช้ จะไม่มีการพูดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบเลย ระหว่างพรรคการเมืองเก่าหรือพรรคการเมืองใหม่ หากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองเหล่านั้น ก็จะไม่มีพรรคการเมืองใดลุกขึ้นมาโวยวายหรือต่อต้านกับเรื่องดังกล่าว วันนี้จึงต้องถือว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องการทำผิดกฏหมายเลือกตั้งของพรรคการเมือง แล้วร้องขอให้ต้องขยายเวลา และไม่ใช่ความผิดของกกต.ที่ไม่สามารถสนับสนุนหรือจัดให้แต่ละพรรคการเมืองดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าการขยายเวลาดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อไพรมารี่โหวต และการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ระยะเวลาจะเหลือกระชั้นชิดมากเกินไปหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตรงนี้ต้องเกี่ยวแน่ เพราะการขยายเวลาให้ดำเนินธุรกรรม แต่ในขณะที่รัฐธรรมนูญกำหนดกรอบเวลาที่จะต้องดำเนินการตามกฏหมายก่อนลงสนามเลือกตั้ง จึงต้องดูองค์ประกอบควบคู่กันไปด้วย เมื่อขยายเวลาตรงนี้แล้วก็ต้องไปดูกฎหมายประกอบและธรรมนูญด้วยว่าจะทำอย่างไรจึงจะให้เป็นไปตามครรลองและทำไม่ให้ได้รับผลกระทบทั้งพรรคการเมือง คสช.และรัฐบาล โดยเฉพาะหากกระทบต่อความน่าเชื่อถือก็จะเป็นเรื่องที่ใหญ่

เมื่อถามว่าในอนาคตจะส่งผลกระทบถึงโร้ดแม็ปคสช. หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตน คงตอบไม่ได้ในเมื่อคสช. ยืนยันว่าไม่กระทบ เราก็ต้องเชื่อ เพราะถ้าคสช.พูดแล้วไม่เชื่อก็ไม่รู้จะไปเชื่อใคร ก็เพียงแต่ให้กำลังใจและรอดูเพราะอยากเห็นรัฐบาล คสช. ดำเนินทุกอย่างให้เป็นไปตามโร้ดแม็ปให้ได้

“วันนี้การที่อียูประกาศปลดล็อคให้ไทยในเรื่องสิทธิการทำมาค้าขายได้ก็เพราะเขาเห็นว่ากำลังจะเข้าสู่โร้ดแม็ป การคืนอำนาจคืนความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นถ้าจะเกิดความล่าช้าหรือมีเหตุใดขึ้นมาก็จะทำให้ส่งผลกระทบต่อเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้นำประเทศ”

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่บอกว่าพรรคการเมืองไม่ได้เสียสิทธิก็เพราะเขาขยายเวลาให้ แต่ประเทศเสียโอกาส ถ้าจะต้องทำให้ทุกอย่างไม่สามารถเป็นไปตามโร้ดแม็ปได้ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือประเทศจะเสียโอกาสถ้าจะต้องทำให้ทุกอย่างไม่สามารถเป็นไปตามโร้ดแม็ปได้ เสียหายคือประเทศ ไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะไม่ว่าจะเลือกตั้งปีไหน 61หรือ62 พรรคการเมืองก็รอได้แต่ประเทศจะรอไม่ได้นี่สิ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน