‘ธรรมนัส’ เฉลยแล้ว ทำไม ‘บิ๊กป้อม’ ชอบตอบว่า’ไม่รู้ ไม่รู้’ ยันความจริงรู้หมด ย้ำหัวหน้าพรรค เป็นจุดแข็งพลังประชารัฐ ไม่เคยทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ

วันที่ 29 ธ.ค.64 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศของพรรคในรอบปี2564 ที่ผ่านมา รวมถึงทิศทางการทำงานของพรรคในปี2565 ตอนหนึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตพรรคพปชร.จะสามารถเป็นสถาบันการเมือง ตามที่ตั้งใจได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในผู้นำ คือหัวหน้าพรรค ที่จะพูดเสมอว่าเรื่องภายในพรรค หรือเรื่องการเมืองภายในพรรค เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคจะจัดการเอง

ส่วนการบริหารเป็นเรื่องของนายกฯ และตั้งแต่เป็นเลขาธิการพรรค ทำงานตลอด ไม่เคยมีวันหยุด จึงเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มอบหมายงานให้หลายคนดูแล ทั้งบนดินและใต้ดิน ทำให้เชื่อมั่นว่าพรรคพปชร.จะกลายเป็นสถาบันการเมืองที่มีความเข้มแข็ง

เมื่อถามว่าประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของพรรคพปชร.อย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จุดแข็งของเราคือ ส.ส.ของพรรค และว่าที่ผู้สมัคร มีความมั่นใจในตัวหัวหน้าพรรค เพราะหัวหน้าพรรคไม่เคยทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ เรื่องที่ตอบว่าไม่รู้ ๆนั้นรู้หมด ขึ้นอยู่ที่ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ และรู้จักใช้คนทำงาน

ส่วน ตนและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค มีหน้าที่ดูภาพรวม ทำหน้าที่ไปลุยพื้นที่ เหมือนไปตีเมืองขึ้น จากนั้นจะมีคนมาดูแลหรืออาจจะตั้งให้คนในพื้นที่นั้นๆมาดูต่อ เราไม่ได้ดูแลทั้งประเทศ แต่ดูภาพรวมในฐานะเลขาฯ เดินทางไปแต่ละจังหวัดและเปิดตัว ไม่ใช่ว่าตนต้องดูทั่วประเทศอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ตนไปอีสานเสร็จแล้วก็หาตัวแทนดูแล และหัวหน้าพรรคก็จะจัดคนมาดูแลอีกที อย่างกทม.ได้จัดเข้าสู่ระบบแล้วก็ได้ส่งต่อคนรุ่นใหม่ ซึ่งหัวหน้าได้ให้คนมาดูแลแล้ว ทั้งนี้แล้วแต่หัวหน้าจะจัดใครมาดูแล ไม่ใช่ตนต้องดูแลทั่วประเทศทีเดียวมันเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทศกัณฐ์

เมื่อถามย้ำว่าจุดอ่อนของพรรคเป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยอมรับว่าภาพที่สะท้อนให้สังคมได้เห็นคือภาพของความแตกแยก เราต้องแก้ให้ได้ว่าถ้าเห็นต่างกันก็ควรจะจบในพรรคไม่ต้องให้สื่อไปนำเสนอว่าแตกแยกกันจริงๆ

เช่น การประชุมบริหารพรรคเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เรายิ้มแย้มกันทุกคนไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร นี่คือภาพจริงที่เกิดขึ้น แต่บางครั้งอาจจะเป็นลูกน้อง เช่น ลูกน้องตนเอาข่าวไปเสนอทำให้เกิดความเสียหาย ลูกน้องของคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ที่รักลูกพี่มากเกินไปนำไปเสนอ ทำให้เกิดผลเสียกับภาพลักษณ์ของพรรค จึงเป็นจุดอ่อนของพรรค

“ความจริงเฉพาะส.ส.ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าอยู่ที่หัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มมากกว่า และทุกครั้งที่สงบได้เพราะท้ายที่สุดแล้ว พล.อ.ประวิตร มานั่งหัวโต๊ะก็ทำให้จบ พวกเราพยายามคุยกันนอกรอบ ในเรื่องความแตกแยก เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์พรรคเสียไปมากกว่านี้ และผมพร้อมคุยกับทุกกลุ่มและก็ได้คุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน